Maxim เพิ่มความยืดหยุ่นด้านกฎระเบียบ

สำหรับการนำคนขับเข้าสู่ระบบกฎหมาย

 

Maxim ประเทศไทย แอปพลิเคชันเรียกรถชั้นนำ ประกาศความคืบหน้าในการสนับสนุนการนำคนขับเข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย พร้อมเน้นย้ำถึงอุปสรรคเชิงระบบที่ต้องการความยืดหยุ่นด้านกฎระเบียบอย่างเร่งด่วน บริษัทขอเสนอให้ขยายระยะเวลาผ่อนผันสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมายเต็มรูปแบบออกไปอย่างน้อย 90 วัน เนื่องจากคนขับหลายรายยังเผชิญกับข้อจำกัดทั้งด้านการเงิน ขั้นตอนการดำเนินการ และการปฏิบัติงาน หากไม่มีการขยายระยะเวลา อาจส่งผลให้คนขับหลายพันรายถูกตัดออกจากแพลตฟอร์ม เสี่ยงต่อรายได้และความเสถียรของการขนส่งในภูมิภาค ซึ่งอาจทำให้ตลาดขาดความสามารถในการแข่งขัน และผู้โดยสารมีทางเลือกน้อยลง

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา Maxim สามารถเพิ่มจำนวนคนขับที่ได้รับใบอนุญาตขับรถสาธารณะภาคบังคับได้ถึง 5 เท่า แต่คนขับส่วนใหญ่ยังคงเผชิญปัญหา โดยเฉพาะในขั้นตอนการลงทะเบียนประเภท รย.6 รย.17 และ รย.18 ที่มีความล่าช้าอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากปัจจัยภายนอก

จากการสำรวจคนขับกว่า 2,000 รายใน 8 จังหวัดหลัก พบว่าอุปสรรคสำคัญในการนำรถเข้าสู่ระบบ ได้แก่ ราว 45.9% ของคนขับล่าช้าในการขอใบอนุญาต เนื่องจากรถยังอยู่ภายใต้สัญญากับธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อ ประมาณ 31.2% ไม่สามารถลงทะเบียนรถที่ไม่ได้อยู่ในชื่อของตนเอง และอีก 26.5% มีรถอายุมากกว่า 9 ปี จึงไม่ผ่านเกณฑ์การลงทะเบียน นอกจากนี้ คนขับยังเผชิญกับอุปสรรคอื่น ๆ เช่น ค่าประกันสูง ขั้นตอนการขอใบอนุญาตใช้เวลานาน และคนขับพาร์ทไทม์ไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่สูงได้

ประเด็นที่น่าสนใจคือ 71.7% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีรายได้หลักจากการขับรถผ่านแอปพลิเคชันเรียกรถ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งใช้เป็นช่องทางสร้างรายได้เสริม สะท้อนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น หากมีการเพิกถอนการจดทะเบียนอย่างกะทันหัน เนื่องจากคนจำนวนมากอาจสูญเสียรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้

 

“ในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่รับผิดชอบด้านการเงิน ผมขอยืนยันว่ากระบวนการนี้ยากทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น ค่าเปลี่ยนประเภทรถ ค่าเอกสาร และค่าธรรมเนียมสูงกว่าที่คาดไว้ ผมพยายามปฏิบัติตามกฎหมายเต็มที่ แต่บางครั้งต้องหยุดงานทั้งวันเพื่อดำเนินเรื่อง เรียกว่ารายได้หายทันที การมีทางเลือกหรือการสนับสนุนทางการเงินจากหน่วยงานหรือแพลตฟอร์มจะช่วยให้ผมและคนขับหลายคนสามารถปรับตัวและปฏิบัติตามกฎหมายได้โดยไม่กระทบครอบครัว ผมอยากแสดงให้เห็นว่าเราพยายามเต็มที่ แต่ความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูงทำให้ทำได้ยากจริง ๆ และต้องใช้เวลามาก ผมกังวลว่าครอบครัวผมอาจเสียโอกาสหารายได้นี้” นายพิเชษฐ ทวีทรัพย์ คนขับพาร์ทเนอร์ Maxim

Maxim ได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและคำแนะนำแก่คนขับ แต่กระบวนการนี้ยังคงใช้เวลานาน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายของคนขับอยู่ระหว่าง 13,700 ถึง 46,700 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้เกือบ 3 เดือนในเชียงใหม่ โดยรายได้เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 15,000 – 25,000 บาทต่อเดือน ทำให้เป็นภาระหนักสำหรับคนขับ ดังนั้น Maxim จึงเสนอแนวทางลดค่าใช้จ่าย โดยพิจารณาการทำประกันแบบรายวันหรือรายสัปดาห์

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงเสนอให้ขยายระยะเวลาการปฏิบัติตามกฎหมายออกไป 12 เดือน เพื่อรองรับเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง และอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนสำหรับรถที่อยู่ภายใต้สัญญาเช่าซื้อหรือรถร่วม ตลอดจนขยายมาตรการสนับสนุนให้ครอบคลุมถึงคนขับพาร์ทไทม์ และรถเก่าที่ยังคงมีสภาพดี

“การกำหนดเวลาในการบังคับใช้กฎหมายนี้อาจส่งผลให้คนขับหลายพันรายที่พยายามปฏิบัติตามถูกตัดออกจากระบบ คนขับหลายคนยังคงมีภาระค่าใช้จ่ายประจำวันที่สูง เช่น ที่พัก ค่าเล่าเรียนบุตร และการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยในครอบครัว อุปสรรคหลักที่พบคือค่าเปลี่ยนประเภทรถและค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาตที่สูง รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการ ที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน ทำให้คนขับบางคนไม่สามารถหาเวลาไปดำเนินการได้ เราตระหนักว่าคนขับที่มีข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งด้านการเงินและด้านอื่น ๆ ควรได้รับความเข้าใจและการสนับสนุนอย่างแท้จริง ดังนั้นเราจึงขอความกรุณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการขยายระยะเวลาผ่อนผัน พร้อมให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อให้คนขับและครอบครัวยังคงมีรายได้ที่มั่นคงในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านกฎหมาย” กล่าวโดย นายพงศ์พัฒน์ อักษราวรกานต์ กรรมการผู้จัดการ Maxim ประเทศไทย

Maxim ประเทศไทย ยืนยันความมุ่งมั่นในการนำคนขับเข้าสู่ระบบอย่างถูกกฎหมาย พร้อมย้ำว่าความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยทั้งเวลาและความยืดหยุ่น บริษัทเดินหน้าผลักดันการหารือและความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) และกรมการขนส่งทางบก (DLT) รวมถึงภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม เพื่อปรับกฎระเบียบให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง และสร้างการเปลี่ยนผ่านที่ทั่วถึงสำหรับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลของไทย

ข้อมูลบริษัท

แอปพลิเคชันเรียกรถ Maxim เปิดให้บริการในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 และมีการเปิดสาขาแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้บริการของเราเปิดให้บริการในอีก 19 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น หาดใหญ่ ชลบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ภูเก็ต นครราชสีมา กรุงเทพฯ ลำปาง ลำพูน เชียงราย สุราษฎร์ธานี ระยอง อยุธยา พิษณุโลก หัวหิน พัทยา เกาะสมุย และบุรีรัมย์

ตั้งแต่ปี 2565 บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการเรียกรถ และบริการอื่น ๆ เพื่อให้บริการมีความสะดวกสบาย เข้าถึงง่าย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น บริษัท Maxim ได้สร้างสรรค์แอปพลิเคชันการรับส่งผู้โดยสารผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงการเดินทางไปยังจุดหมายต่าง ๆ ได้ในราคาที่เป็นมิตรและปลอดภัย โดยเชื่อมต่อผู้ขับ และลูกค้าที่ใช้บริการกับเรานับล้าน ๆ คน อย่างมีประสิทธิภาพ และไร้ขีดจำกัด

นอกจากนี้แอปพลิเคชัน Maxim สำหรับผู้โดยสาร และแอปพลิเคชัน Taxsee Driver สำหรับคนขับ ถือว่าเป็นหนึ่งในแอปพลิเคชั่นยอดนิยมระดับโลกที่มีผู้ใช้งานหลายล้านคน จุดมุ่งหมายของบริการ คือ การพัฒนาประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้ผู้คนก้าวไปสู่เป้าหมายของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ