PTG ส่งสัญญาณโค้งสุดท้ายธุรกิจ Oil - Non Oil สดใส

ตอกย้ำ! ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปี 67 โตเข้าเป้า 10-15%

 

บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) ประเมินโค้งสุดท้ายปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางและอุปสงค์การใช้น้ำมันมีทิศทางสดใส คงเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี 67 เติบโต 10-15% รับแรงหนุนจากระบบสมาชิก Max Card ฤดูกาลเก็บเกี่ยวทางการเกษตร  ภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG)  คงยืนเป้ายอดขายทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 40-50%  พร้อมโชว์รายได้งวด 9 เดือนปี 2567 เท่ากับ  167,132 ล้านบาท กำไรสุทธิ 806 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางทุบสถิติสูงสุดใหม่นิวไฮ อยู่ที่ 5,013 ล้านลิตร รวมถึงครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.3%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคุณรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการเงินและความยั่งยืน   นายปรเมษฐ์ สงวนโชควณิชย์ ผู้อำนวยการอาวุโสประจำสำนักกรรมการผู้จัดการใหญ่  และนายธีรพันธ์  ดิษยบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสสาขาบัญชีและการเงิน  บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) ร่วมนำเสนอข้อมูลผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/2567 ในงาน Opportunity Day บนแพลตฟอร์มออนไลน์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

โดยนายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดเผยถึง แนวโน้มการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง และอุปสงค์การใช้น้ำมันในช่วงที่เหลือของปี 2567 เชื่อว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดี เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวทางการเกษตร รวมถึงการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว 

อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการใช้บริการของสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ผนวกกับการพัฒนาบริการ PT Service Master เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า การปรับปรุงสถานีให้ทันสมัยและครบครันมากยิ่งขึ้นพร้อมขยายสาขาในทำเลศักยภาพ  โดยปีนี้บริษัทฯ ยังคงเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางที่ 10-15% เทียบปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีสถานีบริการน้ำมันครบ 2,251 สาขา

สำหรับธุรกิจ Non-Oil (ไม่รวมธุรกิจ LPG)  บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของยอดขายทั้งปี ไม่ต่ำกว่า 40-50%  เมื่อเทียบปีก่อน   ซึ่งในส่วนของธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาเป็น 1,282 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมี 1,126 สาขา เป็นผลมาจากการใช้บริการของอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้ารายเดิมและกลุ่มลูกค้าสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus  รวมถึงมีแคมเปญทางการตลาดที่มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) 

นอกจากนี้ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil ยังวางแผนขยายสาขาและ Touchpoints ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints  โดยการขยายสาขาจำนวนหลักๆ มาจากสถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT  และธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ Autobacs  รวมถึงสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart  ซึ่งเป็นการสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการทั้งในด้านการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการดูแลบำรุงรักษารถยนต์อย่างครบวงจร และสอดคล้องกับเป้าหมายในการยกระดับความอยู่ดี มีสุขของคนไทยทุกพื้นที่ให้สามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจ มีความสุข และปลอดภัยในทุกเส้นทาง

ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 (สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2567) มีกำไรสุทธิ 806 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 90.1% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 424 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่  0.48 บาทต่อหุ้น ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 167,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 149,286 ล้านบาท   ขณะที่งวดไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาทเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 24 ล้านบาท

การเติบโตของรายได้ดังกล่าวมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้เติบโตที่ 11.0%  เป็น 154,640 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังคงสร้างสถิติยอดขายสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็น  5,013 ล้านลิตร  หรือเพิ่มขึ้นถึง 13.6% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน รวมถึงปัจจัยหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา จึงส่งผลทำให้บริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้นเป็น 21.3% เมื่อเทียบกับ 18.7% ในปีก่อนหน้า 

ส่วนธุรกิจ Non-Oil งวด 9 เดือนของปี 2567 มีรายได้จำนวน 12,492  ล้านบาท เติบโต 25.8%  โดยการเติบโตของยอดขายเป็นผลมาจากธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยและธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ   ซึ่งธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยที่มีรายได้จากการขายและการบริการที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญที่ 75.1% เป็นจำนวน 1,540 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus  ที่ส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) ยังคงอยู่ในระดับ 20-30% 

ในงวด 9 เดือนบริษัทฯ มีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวมทั้งสิ้น 1,878 สาขา (ไม่รวมสาขาธุรกิจ LPG) เพิ่มขึ้น  525  สาขา หรือเติบโต 38.8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อเน้นย้ำความพยายามในการรักษาสมดุลระหว่างการดำเนินงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน หวังเชื่อมให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข” ในทุกช่วงของชีวิต