บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดศักราชใหม่ปี 66

ส่งยนตรกรรมใหม่ 8 รุ่นจาก 3 แบรนด์

ตอกย้ำเบอร์ 1 ยานยนต์พรีเมียม

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ฉลองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 3  จากผลลัพธ์แห่งความทุ่มเทของบริษัทด้านความพึงพอใจของลูกค้า นวัตกรรม และยนตรกรรมศาสตร์แห่งศิลป์จากบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทำผลงานยอดจดทะเบียนรถยนต์อย่างแข็งแกร่ง  ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดบีเอ็มดับเบิลยูและมินิในตลาดรถยนต์พรีเมียมที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 46.6% เพิ่มขึ้น 36.1% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย วางแผนต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่มากมาย นำทัพโดยรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู XM ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport ใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู X1 sDrive18i โฉมใหม่, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Sedan ใหม่, และรถยนต์มินิ Resolute Edition ที่มีให้เลือกถึงสามรุ่นย่อย รวมไปถึงมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู M 1000 R และ R 1250 GS ในตัวเลือกสีใหม่

 

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย การมุ่งสู่อนาคตคือนิยามของทุกสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิธีที่เราทำธุรกิจ หรือการมอบสิ่งดี ๆ คืนให้กับโลก ความมุ่งมั่นในด้านนวัตกรรมและความเป็นเลิศตลอดทั้งปี 2565 ส่งผลให้ลูกค้ามอบความไว้วางใจให้กับเรา เราภูมิใจที่จะประกาศว่าเรายังคงครองตำแหน่งผู้นำในเซกเมนต์พรีเมียมอีกครั้ง และด้วยความสำเร็จและการเติบโตตลอดปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Luxury Class และรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากการเปิดตัวรุ่นรถยนต์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มดับเบิลยู XM, X7 หรือซีรีส์ 7 อย่างไรก็ตาม พลังแห่งการเลือกยังคงเป็นปรัชญาที่เราภาคภูมิใจ และพร้อมแนะนำหลากหลายยนตรกรรมใหม่ ๆ จากแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ไปจนถึงบริการและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ เรายังมุ่งมั่นเดินหน้าธุรกิจอย่างยั่งยืน อย่างที่เห็นได้จากหลากหลายโครงการด้านความยั่งยืนที่เราให้ความสำคัญมากขึ้น บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะยังคงมุ่งสู่ความเป็นเลิศไปพร้อม ๆ กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและพาร์ทเนอร์ของเรา เพื่อส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าคนสำคัญของเราทุกคน”

 

ยุคสมัยแห่งความหรูหราและความเป็นเลิศ

ด้วยผลงานที่แข็งแกร่งของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่ม Luxury Class หรือรถยนต์รุ่นที่สูงที่สุดของแบรนด์ เช่น บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, ซีรีส์ 8, X7, และ M8 ที่ทำผลงานดีที่สุดในประวัติศาสตร์ โตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 25.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการส่งมอบสุดยอดความเป็นเลิศและนิยามใหม่แห่งความหรูหรานี้ รถยนต์ในกลุ่ม Luxury Class คือที่สุดแห่งการเสาะหาเอกลักษณ์และความเอ็กซ์คลูซีฟที่ไม่มีใครเทียบ ความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์พิเศษเห็นได้จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นไฮไลท์อย่างบีเอ็มดับเบิลยู XM ใหม่ รถยนต์ตระกูล M สมรรถนะสูงรุ่นแรกซึ่งมาพร้อมระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดทรงพลัง ในคอนเซปต์ใหม่ของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ (Sports Activity Vehicle – SAV) บีเอ็มดับเบิลยู X7 xDrive40d M Sport ใหม่ อีกหนึ่งรุ่น SAV ที่ผสานความปราดเปรียว รูปลักษณ์ที่หรูหรา และความโอ่อ่า เข้ากับระบบขับเคลื่อนอันทรงพลัง และบีเอ็มดับเบิลยู 750e xDrive M Sport ใหม่ ขั้นกว่าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่มอบสุดยอดแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่ ความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล และประสบการณ์ดิจิทัลล้ำสมัย ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในกลุ่ม Luxury Class ยังสามารถสัมผัสนิยามใหม่แห่งความหรูหราได้ผ่าน BMW Excellence Club โปรแกรมเอกสิทธิ์ที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์เหนือระดับโดยเฉพาะ สมาชิก BMW Excellence Club สามารถเลือกแพ็คเกจเอ็กซ์คลูซีฟที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ได้สูงสุดถึง 6 แพ็คเกจ ไม่ว่าจะเป็น Business Travel Package, Dining Experience Package, Wellness Experience Package, Sports Experience Package, Family Experience Package หรือ Long Trip Package โดยในแต่ละแพ็คเกจมาพร้อมกับสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรับรองจาก BMW Excellence Club Concierge ที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการจัดแผนการท่องเที่ยวหรือการนัดหมาย การจัดรถรับ-ส่งจากสนามบิน และประสบการณ์ private club จากโรงแรมและรีสอร์ท Marriott ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก  BMW Excellence Club ยังมอบประสบการณ์การเฉลิมฉลองสุดพิเศษในบรรยากาศอันน่าจดจำสำหรับเทศกาลและโอกาสพิเศษต่าง ๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ ลอยกระทง และวันคริสต์มาส พร้อมสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อย่างมื้อค่ำและการชิมไวน์สุดพิเศษ ชั้นเรียนและเวิร์คช็อปต่าง ๆ กิจกรรมและการแสดงสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีประจำทุกเดือน สมาชิก Excellence Club ยังสามารถเข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ มอเตอร์เอ็กซ์โป และงานเปิดตัวรถยนต์ต่าง ๆ ของบีเอ็มดับเบิลยูได้ในวัน VIP อีกด้วย

 

วิสัยทัศน์แบบก้าวไปข้างหน้าและการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า

ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นของยนตรกรรมศาสตร์แห่งศิลป์ รวมถึงความสำเร็จของการทำตลาดและกลยุทธ์ลูกค้าในปี พ.ศ. 2565 ส่งผลให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในตลาดยานยนต์พรีเมียมไว้ได้ โดยบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ ก้าวสู่ความสำเร็จอีกขั้นด้วยตำแหน่งผู้นำในตลาดพรีเมียมของไทยติดต่อกันเป็นปีที่สาม ทั้งสองแบรนด์มีอัตราการเติบโตในตลาดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเติบโตขึ้นถึง 46.6% ในตลาดยานยนต์พรีเมียม และมียอดจดทะเบียนรถยนต์กว่า 15,010 คัน ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าถึง 36.1% (แบ่งเป็น บีเอ็มดับเบิลยู 13,572 คัน และมินิ 1,438 คัน) ในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงเติบโตและครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในกลุ่มรถยนต์พรีเมียมระดับโลกใน ปี พ.ศ. 2565 โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์รวม 2,399,636 คัน ให้กับลูกค้าทั่วโลก ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเภทรถยนต์ไฟฟ้า โดยยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัวจากปี พ.ศ. 2564 ด้วยยอดส่งมอบรวม 215,755 คัน จากบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ พุ่งสูงขึ้นถึง 107.7% และเมื่อรวมรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด มียอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสูงถึง 372,956 คัน ตลอดทั้งปี เพิ่มขึ้น 35.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ทำสถิติยอดขายสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัท ด้วยยอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์รวม 202,895 คันทั่วโลก

สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นจากส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ระดับพรีเมียมที่สูงถึง 40.8% ด้วยยอดจดทะเบียน 535 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าจากปีก่อนหน้า ความสำเร็จดังกล่าวคือ ผลลัพธ์จากการนำเสนอยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมียนตรกรรมไฟฟ้าให้เลือกซื้อครบทั้ง 3 แบรนด์ โดยรุ่นที่โดดเด่น ได้แก่ รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู i7 ที่เปิดตัวในไทยครั้งแรกกับการเป็น โมบิลิตี้ พาร์ตเนอร์ อย่างเป็นทางการสำหรับการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 (APEC 2022) และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี รถยนต์มินิ คูเปอร์ เอสอี ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยรูปลักษณ์และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ และบีเอ็มดับเบิลยู CE 04 สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ในเมืองอย่างลงตัว นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะได้มากถึง 900 หัวจ่ายทั่วประเทศ ควบคู่กับการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิมากถึง 2,500 เครื่อง

 

ความพึงพอใจของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก พร้อมขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับการประเมินคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (Net Promoter Score – NPS) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ทั้งด้านยอดขายและการให้บริการ เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ที่ชี้ให้เห็นว่ากลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของบริษัท ด้วยเป้าหมายในการมอบความพึงพอใจสูงสุด บริการที่เยี่ยมยอด และที่สุดแห่งความเพลิดเพลินในการขับขี่แก่ลูกค้า ในทุก ๆ ขั้นตอน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการได้ขยายจำนวนโชว์รูมให้บริการเต็มรูปแบบและศูนย์บริการอย่างเต็มรูปแบบ (Fully-Fledged) ศูนย์บริการหลังการขาย (Service Only Outlet) และโชว์รูมในห้างสรรพสินค้า (Urban Store) หลายพื้นที่

โดยในปี พ.ศ. 2565 ได้เปิดตัวคอนเซปต์การออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการแบบใหม่ หรือ Retail Next ที่รังสรรค์บรรยากาศในการสัมผัสแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูที่ผ่อนคลายและใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปยังโชว์รูม แนวคิดการออกแบบใหม่นี้ได้นำมาใช้ครั้งแรกในการออกแบบโชว์รูมและศูนย์บริการ มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ซึ่งเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมา รวมถึงเพอร์ฟอร์แมนซ์ มอเตอร์ส ราชพฤกษ์ที่เริ่มเปิดให้บริการเมื่อเร็ว ๆ นี้ และคอนเซปต์การออกแบบ Retail Next จะนำมาใช้กับโชว์รูมที่เตรียมเปิดบริการในปี พ.ศ. 2566 นี้ ได้แก่ มิลเลนเนียม ออโต้ สุราษฎร์ธานี และ เนลสัน ออโต้เฮ้าส์ ระยอง ในขณะเดียวกัน ลูกค้ามินิก็สามารถเข้ารับบริการหลังการขายที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและมาตรฐาน ณ ศูนย์บริการหลังการขาย (Service Only Outlet) แห่งใหม่ถึง 3 แห่งซึ่งเปิดให้บริการในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น มิลเลนเนียม ออโต้ ลาดพร้าว, เยอรมัน ออโต้ สุวรรณภุูมิ และพลาติโน มอเตอร์ สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็เดินหน้ายกระดับการออกแบบโชว์รูมให้ตอกย้ำถึงแนวคิด Make Life a Ride ที่สื่อถึงจิตวิญญาณอิสระของเหล่านักบิดและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น โดยภายในปีนี้ เตรียมปรับโฉมมิลเลนเนียม ออโต้ อุบลราชธานี และบาเซโลนา มอเตอร์ เชียงใหม่ และภายในปี 2566 จะมีโชว์รูมและศูนย์บริการในทุกประเภท สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู 34 แห่ง มินิ 18 แห่ง และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 14 แห่ง

 

อุ่นใจในทุกเส้นทางกับการขยายการรับประกันและแพ็คเกจบำรุงรักษาใหม่จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย

สิงห์นักบิดอุ่นใจกว่าที่เคย บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ขยายการรับประกัน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทางและบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินหรือ โมบิลิตี้ เซอร์วิส เป็นระยะเวลา 5 ปี สำหรับลูกค้าที่รับมอบมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2566 (เข้าถึงการรับประกันได้ทั่วโลกกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น) ในขณะเดียวกัน แพ็คเกจบำรุงรักษา BMW Motorrad Service Inclusive (BMSI) ยังพร้อมให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ซึ่งสามารถเลือกได้ระหว่างแพ็คเกจบำรุงรักษาครอบคลุม 3 ปี / 30,000 กิโลเมตร หรือแพ็คเกจ 5 ปี / 50,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)* โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

แพ็คเกจบำรุงรักษา BMW Motorrad Service Inclusive ยังครอบคลุมอะไหล่ของแท้ของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ค่าแรง และน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ สำหรับรายการตามตารางการซ่อมบำรุงมาตรฐาน ดังนี้

- การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพร้อมกรองน้ำมันเครื่อง รวมถึงน้ำมันเครื่องสำหรับเติมกลับในระบบ

- บริการเปลี่ยนกรองอากาศ กรองน้ำมันเชื้อเพลิง หัวเทียน

- บริการเปลี่ยนน้ำมันเบรก

- บริการตรวจสภาพรถตามข้อกำหนดของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.bmw-motorrad.co.th

 

 

ปีที่แข็งแกร่งของ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย เดินหน้าพัฒนาบริการดิจิทัลและประสบการณ์ลูกค้าชั้นเยี่ยม

แม้ปี พ.ศ. 2565 จะเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ แต่ด้วยการคำนึงถึงความพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ ทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย สามารถสร้างการเติบโตให้กับยอดสินเชื่อรวมได้ถึง 4% เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2564 การสร้างความอุ่นใจให้กับลูกค้า การบริการระดับคุณภาพ ความรวดเร็วในการให้บริการ รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์และการบริการที่โดดเด่นและหลากหลาย คือสิ่งที่ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย แตกต่าง

ลูกค้าเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู มินิ หรือมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จำนวนมากเกินกว่าครึ่งให้ความไว้วางใจและเลือกรับบริการทางการเงินจากบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย โดยในปี พ.ศ. 2565 ประสบการณ์ลูกค้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อ้างอิงจากผลการประเมินคะแนนความพึงพอใจของผู้บริโภค (NPS Score) ซึ่งพบว่าคะแนนประสบการณ์ลูกค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น 8 คะแนน และคะแนนด้านการดูแลลูกค้า (Customer Care) เพิ่มขึ้นถึง 23 คะแนน ในขณะเดียวกัน บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังสร้างผลงานที่แข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรถยนต์มือสองซึ่งเติบโตกว่า 13% ปีต่อปี ขณะที่มีอัตราการเข้าถึงตลาดลูกค้าองค์กรกว่า 65% สะท้อนถึงความไว้วางใจและความสำเร็จในกลยุทธ์การคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย มุ่งมั่นเสมอมา

นอกจากนั้น ในปี พ.ศ. 2565 บีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล เซอร์วิส ประเทศไทย ยังลงทุนเพิ่มเติมเพื่อพลิกโฉมประสบการณ์ลูกค้าด้านดิจิทัล ผ่าน 'MyBMW Finance' และ 'MyMINI Finance' ให้ลูกค้าเข้าถึงสัญญาทางการเงินและบริการอื่น ๆ ได้ทุกเมื่อตามต้องการ การเข้ารับบริการของลูกค้าได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นตลอดทั้งเส้นทางด้วย

การเปิดตัวแอปพลิเคชันทางการเงินออนไลน์ ซึ่งช่วยให้ลูกค้ายืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัลได้ (National Digital ID - NDID) บริการดิจิทัลดังกล่าวส่งผลให้ลูกค้าสามารถสมัครบริการทางการเงินได้โดยตรงผ่าน BMW Thailand Web Shop จึงช่วยประหยัดเวลาและอำนวยความสะดวกขึ้นอีกขั้น

 

ความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นหนึ่งในแกนหลักของกลยุทธ์องค์กร

ทุกหน่วยงานทางธุรกิจภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ทุ่มเทความพยายามในการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มุ่งสนับสนุนโอกาสการเรียนรู้ของนักเรียนอาชีวะผ่านการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกับโครงการ BMW Service Apprentice และโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย โดยมุ่งส่งเสริมทักษะยานยนต์แห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินงาน โครงการ BMW Service Apprentice มีนักเรียนเข้าร่วม จำนวน 247 คน ในขณะที่มีนักเรียนจำนวน 107 คน เข้าร่วมโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย รวมจากทั้งสองโครงการ 354 คน โดยกว่า 50% ของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโครงการ ยังคงทำงานอยู่ในเครือข่ายผู้จำหน่ายของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

นอกจากนี้ ด้วยพันธกิจที่มุ่งสรรค์สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนในพื้นที่ชนบท โครงการ Care4Water เริ่มต้นขึ้นเพื่อจัดหาน้ำสะอาดที่เข้าถึงได้ให้กับชุมชนที่ขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ตลอดระยะเวลา 8 ปีของโครงการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้ส่งมอบเครื่องกรองน้ำรวมทั้งสิ้น 7,103 ชุด ให้กับ 96 ชุมชนใน 32 จังหวัดทั่วประเทศไทยและเพื่อเป็นการกระตุ้นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านความยั่งยืน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จึงริเริ่มดำเนินโครงการ 'Choice is Yours' ในปี พ.ศ. 2565 เพื่อส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษากล้าแสดงความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรองค์กรชั้นนำต่าง ๆ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้สนับสนุนนิสิตนักศึกษารุ่นเยาว์ในการต่อยอดไอเดีย เพื่อค้นหาแนวทางในการ REduce REuse REthink และ REcycle พร้อมส่งเสริมความเชี่ยวชาญยิ่งขึ้นกับโปรแกรมการฝึกงานซึ่งนับเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของทั้งนิสิตนักศึกษาและสังคมในภาพกว้าง โครงการดังกล่าวยังได้ขยายไปสู่ผู้จำหน่ายด้วยเช่นกันกับรางวัล ‘Sustainability Awards ’ ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มอบให้เพื่อแสดงความยกย่องผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และจะสานต่อความสำเร็จของโครงการ 'Choice is Yours' ในปี พ.ศ. 2566 ต่อไป

 

การปรับราคาใหม่ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูบางรุ่น ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป

เนื่องจากผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่สูงขึ้นและต้นทุนการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จึงประกาศปรับราคารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูบางรุ่น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป