ส.อ.ท. เผยยอดส่งออกรถยนต์ ธ.ค.

ส่งท้ายปี 66 สูงสุดในรอบ 5 ปี

นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผยจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนธันวาคม 2566 ผลิตรถยนต์ 133,621 คัน ลดลงร้อยละ 15.75 ขาย 68,326 คัน ลดลงร้อยละ 17.48 ส่งออก 90,305 คัน ลดลงร้อยละ 19.09 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 8,753 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 239.92 ปี 2566 ส่งออก 1,117,539 คัน สูงสุดในรอบ 5 ปี

การผลิต

จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนธันวาคม 2566 มีทั้งสิ้น 133,621 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 15.75 เพราะผลิตขายในประเทศลดลงถึงร้อยละ 29.94 โดยเฉพาะรถกระบะที่ผลิตลดลงถึงร้อยละ 41.30 จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะเพราะหนี้ครัวเรือนสูงถึงร้อยละ 90.6 ของ GDP และอีกส่วนหนึ่งมาจากรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาขายในประเทศ โดยมียอดจดทะเบียนถึง 75,690 คัน ทำให้ผลิตรถยนต์นั่งลดลงร้อยละ 16.24 แต่การผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกปี 2566 กลับเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.44 ตามยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.30 และสูงกว่าส่งออกปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด 19 และลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 18.19 เนื่องจากวันทำงานน้อยกว่า

จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,841,663 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 2.22

- รถยนต์นั่ง เดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ 50,099 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 7.94 โดยแบ่งเป็น

- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 35,086 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 45

- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 6 คัน ซึ่งในเดือนธันวาคมปี 2565 ยังไม่มีการผลิต

- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 216 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 30

- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 14,791 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 38

ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง ตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 มีจำนวน 648,803 คัน เท่ากับร้อยละ 35.23 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 7.98 โดยแบ่งเป็น

- รถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine มีจำนวน 493,499 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 87

- รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle มีจำนวน 164 คัน ซึ่งช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วยังไม่มีการผลิต

- รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 8,990 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 25

- รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 146,150 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 62

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ 2 คัน ช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ไม่มีการผลิต รวมเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตได้ 118 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 145.83

- รถยนต์บรรทุก เดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 83,520 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 19.83 และตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,192,742 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 7.01

- รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ทั้งหมด 80,489 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 21.37 และตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,155,267 คัน เท่ากับร้อยละ 62.73 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 7.03 โดยแบ่งเป็น

- รถกระบะบรรทุก 204,919 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 50

- รถกระบะดับเบิลแค็บ 756,392 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 71

- รถกระบะ PPV 193,956 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 82

 - รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน เดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ 3,031 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 66.36 รวมเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตได้ 37,475 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 6.24

ผลิตเพื่อส่งออก

เดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ 82,592 คัน เท่ากับร้อยละ 61.81 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 3.70 ส่วนเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 1,156,035 คัน เท่ากับร้อยละ 62.77 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.44

- รถยนต์นั่ง เดือนธันวาคม 2566 ผลิตเพื่อการส่งออก 27,155 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 0.47 และตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 333,195 คัน เท่ากับร้อยละ 51.36 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 15.82

- รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนธันวาคม 2566 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 55,437 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 5.62 และตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 822,840 คัน เท่ากับร้อยละ 67.18 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 9.76 โดยแบ่งเป็น

- รถกระบะบรรทุก 78,054 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ร้อยละ 01

- รถกระบะดับเบิลแค็บ 616,813 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ร้อยละ 11

- รถกระบะ PPV 127,973 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ร้อยละ 03

ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ

เดือนธันวาคม 2566 ผลิตได้ 51,029 คัน เท่ากับร้อยละ 38.19 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 29.94 และเดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตได้ 685,628 คัน เท่ากับร้อยละ 37.23 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 18.98

รถยนต์นั่ง เดือนธันวาคม 2566 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 22,944 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 16.24 แต่ตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ผลิตได้ 315,608 คัน เท่ากับร้อยละ 48.64 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.78

- รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนธันวาคม 2566 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 25,052 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 42.57 และตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ผลิตได้ทั้งสิ้น 332,427 คัน เท่ากับร้อยละ 28.77 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 32.57 ซึ่งแบ่งเป็น

- รถกระบะบรรทุก 126,865 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ร้อยละ 30

- รถกระบะดับเบิลแค็บ 139,579 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ร้อยละ 44

- รถกระบะ PPV 65,983 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 ร้อยละ 78

รถจักรยานยนต์

เดือนธันวาคม 2566 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 201,128 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 8.73 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 164,528 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 8.84 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 36,600 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 8.27

ยอดการผลิตรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,472,872 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 5.86 โดยแยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 2,120,738 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 5.20 แต่ชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 352,134 คัน ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 42.35

ยอดขาย

ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 68,326 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 10.88 แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว ร้อยละ 17.48 ลดลงเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากภาระหนี้ครัวเรือนสูง และเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากผลผลิตอุตสาหกรรมที่ลดลงตามการส่งออกที่ลดลง โรงงานจึงลดกะทำงานและลดทำงานล่วงเวลา คนงานขาดรายได้ ประกอบกับค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยสูง ทำให้เหลือเงินไม่เพียงพอในการใช้จ่ายอย่างอื่นได้ นอกจากนี้การลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็ยังต้องรองบประมาณรายจ่ายปี 2567 ที่ล่าช้าออกไปอีกหลายเดือน แยกเป็น

รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 39,500 คัน เท่ากับร้อยละ 57.81 ของยอดขายทั้งหมด  เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 13.95

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 17,555 คัน เท่ากับร้อยละ 69 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 31.58

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 8,753 คัน เท่ากับร้อยละ 81 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 239.92

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 107 คัน เท่ากับร้อยละ 16 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 80.33

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 13,085 คัน เท่ากับร้อยละ15 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 122.27

- รถกระบะมีจำนวน 19,543 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 44.94 รถ PPV มีจำนวน 4,480 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 42.79 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 3,312 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 1.88 และรถประเภทอื่น ๆ มีจำนวน 1,491 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 4.55

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 132,377 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน 2565 ร้อยละ 7.51 และลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 8.35 โดยแบ่งเป็น

- รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 132,365 คัน มีสัดส่วนร้อยละ87 ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 8.26

- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 12 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 01 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันไม่มีการผลิต

 ตั้งแต่เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 รถยนต์มียอดขาย 775,780 คัน ลดลงจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 8.67 แยกเป็น

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 406,995 คันเท่ากับร้อยละ 52.46 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 16.94

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 238,570 คัน เท่ากับร้อยละ 75 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 13.75

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 73,568 คัน เท่ากับร้อยละ48 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 603.66

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 1,895 คัน เท่ากับร้อยละ 24 ของยอดขายทั้งหมด ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 37.71

- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 92,962 คัน เท่ากับร้อยละ 98 ของยอดขายรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 60.41

- รถกระบะมีจำนวน 264,738 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 31.82 รถ PPV มีจำนวน 60,286 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 9.45 รถบรรทุก 5 – 10 ตัน มีจำนวน 27,682 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 11.36 และรถประเภทอื่นๆ มีจำนวน 16,079 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 5.51

ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 1,856,814 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 3.62 โดยแบ่งเป็น

- รถจักรยานยนต์สันดาปภายใน (ICE) 1,855,576 คัน มีสัดส่วนร้อยละ93 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 3.62

- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) 420 คัน มีสัดส่วนร้อยละ02 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100

- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าผสม (HEV) 818 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 04 ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 34.03

การส่งออก

รถยนต์สำเร็จรูป

เดือนธันวาคม 2566 ส่งออกได้ 90,305 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 9.34 และลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 19.09 แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 87,390 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 21.26 ส่งออกรถยนต์ HEV 2,915 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 366.40 มูลค่าการส่งออก 62,499.78 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 12.41

- เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,805.83 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 40

- ชิ้นส่วนรถยนต์อื่น ๆ มีมูลค่าการส่งออก 16,858.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 37

- อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 2,170.48 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 33

- รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนธันวาคม 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 84,334.69 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 10.08

เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 1,117,539 คัน สูงกว่ายอดส่งออกก่อนเกิดการระบาดของโรค โควิด 19 ปี 2562 และสูงสุดในรอบ 5 ปี เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.73 เพิ่มขึ้นเพราะประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ยังมียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้ส่งออกเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ยกเว้นตลาดแอฟริกาที่ลดลง แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 1,102,694 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 11.30 ส่งออกรถยนต์ HEV 14,845 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 56.02 มูลค่าการส่งออก 719,991.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 15.25 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

- เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 38,653.23 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 80

- ชิ้นส่วนรถยนต์อื่น ๆ มีมูลค่าการส่งออก 189,489.99 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 51

- อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 24,655.44 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 35

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 972,790.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 8.13

รถจักรยานยนต์

เดือนธันวาคม 2566 มีจำนวนส่งออก 76,573 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2566 ร้อยละ 0.56 และลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 16.73 โดยมีมูลค่า 5,764.14 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 18.97

- ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 13 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 39.92

- อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 56 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 10.25

 รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนธันวาคม 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 6,069.83 ล้านบาท ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 19.54

เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 รถจักรยานยนต์ มีจำนวนส่งออก 822,608 คัน (รวม CBU + CKD) ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 20.51 มีมูลค่า 68,588.60 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 6.97

- ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 2,925.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 31

- อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,896.59 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ร้อยละ 02

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 73,410.37 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 7.14

เดือนธันวาคม 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่น ๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 90,404.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ -10.78

เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 1,046,201.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 6.89

ปี พ.ศ.2567 เป้าผลิตรถยนต์ 1,900,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.17

เป้าผลิตรถจักรยานยนต์ 2,120,000 คัน ลดลงร้อยละ 0.03

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ.2567 โดยแยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ดังนี้

รถยนต์

ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ.2567 ประมาณ 1,900,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ.2566 ซึ่งมีจำนวน 1,841,663 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.17 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 1,150,000 คัน เท่ากับร้อยละ 65 ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 750,000 คัน เท่ากับร้อยละ 35 ของยอดการผลิตทั้งหมด

ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 1,150,000 คัน ลดลงจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 1,156,035 คัน ลดลงร้อยละ 52

ปัจจัยบวก ดังต่อไปนี้

- ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะซึ่งขนส่งสินค้าและคนเพื่อส่งออกไปทั่วโลกกว่าหนึ่งร้อยประเทศจึงอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากจากเศรษฐกิจชะลอตัว

- ประเทศจีนเปิดประเทศซึ่งอาจส่งผลให้การค้าโลกและการท่องเที่ยวเติบโตเป็นผลดีต่อการส่งออกของหลายประเทศดีขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออกของประเทศไทย

- การขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลายลงมากส่งผลให้การผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น

- การลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอาจมีการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า

- คำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศคู่ค้า สหรัฐฯ, ยุโรป, จีน เพิ่มขึ้น รวมถึงตลาดที่มีศักยภาพ เช่น กลุ่มอ่าวอาหรับ GCC

อัตราดอกเบี้ยอาจอยู่ในช่วงขาลงทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น

ปัจจัยลบ ดังต่อไปนี้

- การเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและความขัดแย้งระหว่างประเทศอาจขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและการเพิ่มขึ้นใหม่ซึ่งจะ ส่งผลต่อการส่งออกลดลงและเงินเฟ้ออาจสูงขึ้น

- ตลาดทั้งในและต่างประเทศเกิดการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในสินค้าประเภทเดียวกัน และคู่แข่งเกิดขึ้นในภูมิภาคเพิ่มขึ้น

- นโยบายของประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออก เช่น การขึ้นภาษีสรรพสามิตในรถยนต์บางประเภทในลาว

- ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 750,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ผลิตได้ 685,628 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 โดยมีปัจจัย ดังนี้ต่อไปนี้

ปัจจัยบวก ดังต่อไปนี้

- การย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาไทย ทำให้เกิดการเชื่อมโยง Supply Chain ของอุตสาหกรรม

- ความต้องการสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นทั่วโลกจากกฎระเบียบและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

- เริ่มมีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

ปัจจัยลบ ดังต่อไปนี้

- หนี้ครัวเรือน​สูง​ หนี้​สาธารณะ​สูง ค่าครองชีพ​สูง​ อัตราดอกเบี้ย​สูง​ ส่งผล​กระทบ​ต่อ​อำนาจ​ซื้อ​ของ​ประชาชน​ลดลง ทำให้​ยอด​ขาย​อุตสาหกรรม​อสังหาริมทรัพย์​ อุตสาหกรรม​ยานยนต์​ซึ่ง​มีsupply chain ​หลาย​อุตสาหกรรม​ชะลอ​ตัวลง ส่งผล​ต่อ​การ​จ้างงาน​ ทำให้รายได้​คนงาน​ก่อสร้าง​และ​โรงงาน​ลดลง

- งบประมาณ​รายจ่าย​ประจำปี​2567 ล่าช้า​ออก​ไป​ราวแปดเดือนทำให้​การลงทุนและ​การ​กระตุ้น​เศรษฐกิจ​ล่า​ช้าออกไปด้วย​ ส่งผล​ให้การลงทุน​การจ้างงานของเอกชน​ล่าช้าออกไป เศรษฐกิจ​จึงเติบโต​ใน​ระดับต่ำ

- ภัยธรรมชาติ​ที่​คาด​ไม่ถึง อาจ​จะ​กระทบ​ต่อ​ผลผลิต​และ​รายได้เกษตรกร

- ความ​ขัดแย้ง​ระหว่าง​ประเทศ​อาจ​ขยาย​ตัว​และ​เพิ่มขึ้น​หลาย​พื้นที่​จะ​ส่ง​ผล​ให้​ราคาพลังงาน​ ​สินค้า​ และ​วัตถุ​ดิบสูงขึ้น

- การ​ส่งออก​สินค้า​ต่าง ​ๆ​ ใน​ปี​นี่​อาจ​ลดลง​จาก​เศรษฐกิจ​โลก​ชะลอตัว​ลง​ส่งผล​การ​ผลิต​การ​ลงทุนการจ้างงาน​ลดลง อำนาจ​ซื้อ​ลดลง

รถจักรยานยนต์

- ประมาณการการผลิตรถจักรยานยนต์ในปี พ.ศ.2567 ประมาณ 2,120,000 คัน น้อยกว่าปี พ.ศ.2566 ซึ่งมีจำนวน 738 คัน ลดลงร้อยละ 0.03 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 420,000 คัน เท่ากับร้อยละ 19.81 ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 1,700,000 คัน เท่ากับร้อยละ 80.19 ของยอดการผลิตทั้งหมด

- ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 420,000 คัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 73

- ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 1,700,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ร้อยละ 01

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท BEV เดือนธันวาคม 2566

เดือนธันวาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 11,187 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 317.43 โดยแบ่งเป็น

- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 9,232 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 643.32

- รถยนต์นั่งจำนวน 9,138  คัน

- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน 90   คัน

- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน      4   คัน

- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 40 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 900

- รถยนต์สามล้อรับจ้างมีทั้งสิ้น 43 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 14

- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน  42   คัน

- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน   1   คัน

- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 1,847 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 39

- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 1,837  คัน

- รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน 10   คัน

- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 7 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 91

- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 18 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 1,700

เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  100,214 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 381.77 โดยแบ่งเป็น

- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่างๆ มีทั้งสิ้น 76,144 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 55%

- รถยนต์นั่งจำนวน 75,715 คัน              

- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน  395 คัน

- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน  12  คัน

- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน      22  คัน

- รถกระบะ รถแวนมีทั้งสิ้น 217 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 33

- รถยนต์สามล้อมีทั้งสิ้น 432 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 31

- รถยนต์รับจ้างสามล้อจำนวน  414  คัน

- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลจำนวน  18  คัน

- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 21,927 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 15

- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 21,864 คัน

- รถจักรยานยนต์สาธารณะจำนวน  63 คัน

- รถโดยสารมีทั้งสิ้น 1,218 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 80

- รถบรรทุกมีทั้งสิ้น 276 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 2,966.67

 ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท HEV เดือนธันวาคม 2566

เดือนธันวาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 5,509 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 34.43 โดยแบ่งเป็น

- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 5,469 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 34

- รถยนต์นั่งจำนวน 5,462 คัน

- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน  2 คัน

-รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 5 คัน

- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 40 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 15

- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน  40 คัน

เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  85,069 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 32.85 โดยแบ่งเป็น

- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 84,476 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 89

- รถยนต์นั่งจำนวน  84,366 คัน

- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนจำนวน  16  คัน

- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน  24  คัน

- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน  70  คัน

- รถจักรยานยนต์มีทั้งสิ้น 593 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 25

- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลจำนวน 593 คัน

ยานยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงประเภท PHEV เดือนธันวาคม 2566

เดือนธันวาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 535 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 21.21 โดยแบ่งเป็น

รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 535 คัน ลดลงจากเดือนธันวาคม 2565 ร้อยละ 21

- รถยนต์นั่งจำนวน 535 คัน

 เดือนมกราคม – ธันวาคม 2566 มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  11,703 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคมปีที่แล้วร้อยละ 3.28 โดยแบ่งเป็น

รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 11,703 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม – ธันวาคม 2565 ร้อยละ 28

- รถยนต์นั่งจำนวน 11,692  คัน   

- รถยนต์บริการธุรกิจจำนวน  6 คัน

- รถยนต์บริการทัศนาจรจำนวน 5 คัน

 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 131,849 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 310.99 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 89,736 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 48

- รถยนต์นั่งมีจำนวน 88,886 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 69

- รถยนต์โดยสารไม่เกิน 7 คนมีจำนวน 574 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 32

- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 38 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 86

- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 39 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 1,200

- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 199 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 1,709.09

- รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 279 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 19

- รถยนต์ 3 ล้อมีจำนวนทั้งสิ้น 901 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 92

- รถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมีจำนวน 80 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 15

- รถยนต์รับจ้างสามล้อมีจำนวน 821 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 87

- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 38,211 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 02

- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 38,076 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 21

- รถจักรยานยนต์สาธารณะมีจำนวน 135 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 50

อื่น ๆ

- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2,419 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 59

- รถบรรทุกมีจำนวนทั้งสิ้น 303 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 1,065.38

 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 343,604 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 32.25 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

- รถยนต์นั่งและรถยนต์ประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 334,499 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 38

- รถยนต์นั่งมีจำนวน 333,675 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 39

- รถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารฯ มีจำนวน 478 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 05

- รถยนต์บริการธุรกิจ มีจำนวน 51 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 14

- รถยนต์บริการทัศนาจร มีจำนวน 155 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 75

- รถยนต์บริการให้เช่า มีจำนวน 2 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 33

- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 138 เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 452

- รถกระบะและรถแวนมีจำนวน 1 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565

- รถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น 9,102 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 88

- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมีจำนวน 9,102 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 88

อื่น ๆ

- รถโดยสารมีจำนวนทั้งสิ้น 2 คัน ซึ่งเท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565

ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 53,979 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 27.26 โดยแบ่งประเภทได้ ดังนี้

- รถยนต์นั่งและรถประเภทต่าง ๆ มีทั้งสิ้น 53,979 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 26

- รถยนต์นั่งมีจำนวน 53,910 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 29

- รถยนต์บริการธุรกิจมีจำนวน 41 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 50

- รถยนต์บริการทัศนาจรมีจำนวน 21 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ร้อยละ 5

- รถยนต์บริการให้เช่ามีจำนวน 3 คัน เท่ากับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565

- รถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มีจำนวน 4 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 ไม่มีการจดทะเบียน