พาชมไฮไลท์สุดต๊าช

ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2021

มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2021 หรือ มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 เปิดฉากยิ่งใหญ่ ผู้ชมให้ความสนใจหนาตา มีรถยนต์ยกทัพร่วมภายในงานถึง 32 ยี่ห้อ รถจักรยานยนต์ 12 ยี่ห้อ ทำให้ขบวนรถไฮไลท์เด่น ๆ คับคั่ง หลากหลาย จุใจ  FC นวัตกรรมยานยต์แน่นอน

GWM

สำหรับรถยนต์ที่นำมาจัดแสดงในบูธ เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่

All New HAVAL H6 Plug-In Hybrid SUV กับการเผยโฉมเป็นครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยนับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้ โดย All New HAVAL H6 Plug-In Hybrid SUV เป็นรถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กรุ่นล่าสุด ที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยะ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5L Turbo ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า และเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด รวมถึงโหมดการขับขี่แบบไฟฟ้า 100% ที่วิ่งได้ระยะทางสูงสุดถึง 201 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDCคโนโลยียานยนต์อันล้ำสมัย

 

TANK 500 HEV กับการอวดโฉมครั้งแรกของโลก เอาใจผู้ขับขี่สายออฟโรด นับเป็นครั้งแรกของโลกกับการปรากฏโฉมอย่างเป็นทางการของ TANK 500 HEV รถยนต์เอสยูวีออฟโรดจากแบรนด์น้องใหม่อย่าง TANK ที่มาพร้อมรูปทรงรถยนต์ที่สง่างามและทรงพลัง ด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริด 2.0T+9HAT ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 180kW และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ร่วมด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด ระบบการจดจำ และการเปลี่ยนโหมดการขับขี่อัตโนมัติตามสภาพพื้นถนน ซึ่งสามารถเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ด้วยคำสั่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นโหมดลุยน้ำหรือฟังก์ชั่นออฟโรด

All New HAVAL H6 Hybrid SUV โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.5 Turbo ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 243 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ DHT ที่รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริด และสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนและรองรับเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ และยังสามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ และการสั่งการและควบคุมรถผ่าน GWM Application

All New HAVAL JOLION Hybrid ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ 1.5L ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า ให้แรงบิดรวมสูงสุด 375 นิวตันเมตร มาพร้อมกับระบบเกียร์แบบ DHT และเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) ให้ผู้ขับขี่สามารถเร่งหรือชะลอความเร็วได้เพียงคันเร่งเดียว อีกทั้งยังสร้างขึ้นบน GWM LEMON PLATFORM แพลตฟอร์มโมดูล่าร์อัจริยะเช่นเดียวกับรถยนต์ All New HAVAL H6 Hybrid SUV อีกด้วย

ORA Good Cat ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 105 kW หรือ 143 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร และความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง ให้การขับขี่ยึดเกาะถนนและนั่งได้สบายมากยิ่งขึ้น โดยสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้ 5 รูปแบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน โหมดสปอร์ต โหมดอีโค่ โหมด อีโค่พลัส และโหมดอัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามที่ต้องการ

 

MERCEDES-BENZ

สำหรับไฮไลต์ของรถยนต์ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์นำมาจัดแสดงภายในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38  ได้แก่

The new EQS 450+ AMG Premium คือยานยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-EQ ที่พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย รถยนต์คันนี้รังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 107.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 6.2 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 770 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง The new EQS 450+ AMG Premium พร้อมเริ่มต้นจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2565

Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium ที่สุดแห่งยนตรกรรมเอสยูวีระดับอัลตราลักชัวรีภายใต้แบรนด์ Mercedes-Maybach ที่นำเสนอความพิถีพิถันในแบบที่ยกระดับขึ้นอีกขั้นในทุกรายละเอียด ทั้งด้านการออกแบบและวัสดุตกแต่งภายนอกและภายใน รายละเอียดทางวิศวกรรม และนวัตกรรมที่เป็นที่สุดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยมาพร้อมขุมพลังเบนซิน V8 Biturbo ขนาด 3,982 ซีซีที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดถึง 557 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 730 นิวตันเมตรที่ 2,500-5,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาเพียง 4.9 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ราคาเริ่มต้น 18,000,000 บาท

Mercedes-Benz S 580 e AMG Premium ยนตรกรรมในตระกูลเอสคลาสของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่พร้อมพลิกประสบการณ์ยานยนต์ที่เป็นที่สุดของความหรูหราและความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ โดยมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 สูบเรียงพร้อม single-turbo twin-scroll ขนาด 2,999 ซีซี ผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 ขนาด 28.6 kWh มอบพละกำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 750 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 5.2 วินาที โดยขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC ซึ่งภายใต้การประสานพลังระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้านอกจากจะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจให้กับผู้ใช้แล้ว หากขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวยังสามารถพารถยนต์คันนี้ไปได้ไกลสูงสุดถึง 94 – 113* กิโลเมตร (*ระยะทางจากการทดสอบ WLTP : Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure) ราคา 7,190,000 บาท

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ ยนตรกรรมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น Performance car ตัวจริง ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ขนาด 2,999 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 435 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 520 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,800 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission พร้อมผสานความหรูหรา สง่างาม ความทันสมัย ในดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของยนตรกรรมที่เป็น iconic model จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ราคา 5,570,000 บาท

Mercedes-Benz CLS 220 d AMG Premium ยนตรกรรมที่ได้รับการออกแบบมาโดยผสานความสปอร์ต ความหรูหรา ความสง่างาม และความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดยมาพร้อมขุมพลังของเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,950 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 194 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลา 7.5 วินาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ 9G-TRONIC และระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Steering-wheel Gearshift Paddles) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ควบคุมแรงเหวี่ยงจากการทำงานของเครื่องยนต์ให้ต่ำลง ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่นุ่มนวลและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ราคา 4,450,000 บาท

Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ยนตรกรรมเอสยูวีคันแรกจากแบรนด์ Mercedes-AMG ที่ประกอบในประเทศไทย พร้อมให้คุณสัมผัสความแข็งแกร่งเหนือระดับในแบบฉบับยนตรกรรมตระกูล AMG ด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 6 สูบ ขนาด 2,999 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ มอบพละกำลังสูงสุดถึง 435 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดถึง 520 นิวตันเมตรที่ 1,800-5,800 รอบ/นาที ให้อัตราเร่งที่พุ่งทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 5.3 วินาที ขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport transmission พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่พร้อมทลายทุกข้อจำกัดในทุกเส้นทางและตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ราคา 5,990,000 บาท

 

BMW

ไฮไลท์รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 38 ได้แก่

บีเอ็มดับเบิลยู 630i GT M Sport ใหม่ มาในเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronic ส่งพละกำลังสูงสุด 190 กิโลวัตต์ / 258 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,550 – 4,400 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งสู่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาจำหน่าย 4,099,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport ใหม่ ผสมผสานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ xDrive และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า eDrive พร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร มอบกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronic พร้อม Gearshift Paddles มอบกำลังขับจากระบบไฟฟ้าสูงสุดที่ 109 แรงม้า โดยส่งพลังลงสู่ล้อทั้งสี่อย่างเต็มพิกัดเพื่อตอบ

เครื่องยนต์ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ และมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นนี้สามารถส่งกำลังรวมสูงสุดได้ถึง 292 แรงม้า และยังช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ลงมาที่ระดับ 35.7 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 64 กรัมต่อกิโลเมตร บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport ใหม่ มีอัตราการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 17.92 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมาพร้อมกับเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ใหม่ล่าสุด ส่งกำลังให้สามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทางสูงสุดถึง 47 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมในด้านการใช้พลังงานนี้ ยังมาพร้อมสมรรถนะที่เป็นเลิศ ด้วยแรงบิดรวมสูงสุดที่ 420 นิวตันเมตร จึงเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 6.1 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาจำหน่าย 3,799,000 บาท

บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport ใหม่ ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง BMW TwinPower Turboเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ มอบกำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุดกว่า 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อวินาที เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Steptronic พร้อม Gearshift Paddlesบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive20d M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย 3,699,000 บาท

 

PORSCHE

ปอร์เช่ 911 จีทีเอส กร้าวแกร่ง และสปอร์ตยิ่งกว่าที่เคย ราคาเริ่มต้นที่ 13,200,000 บาทเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา ปอร์เช่ได้เผยโฉม 911 จีทีเอส (911 GTS) คันแรก ปัจจุบันเจเนอเรชั่นล่าสุดของยนตรกรรมสปอร์ตยอดนิยมตลอดกาลกำลังจะกลับมาอีกครั้ง ด้วยพละกำลังที่เหนือกว่า และรูปทรงอันโดดเด่น ถึงพร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าทุกครั้ง

เน้นย้ำความโฉบเฉี่ยวดุดันของ 911 จีทีเอส ใหม่ (The new 911 GTS) ด้วยตัวถัง ชิ้นงานตกแต่งภายนอกสีดำ รวมถึง ไฟหน้ารมดำ พร้อมการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุ Race-tex สีดำ และการเดินตะเข็บด้วยโทนสีที่ตัดกันอย่างสวยงาม ติดตั้งเบาะนั่งแบบสปอร์ตที่สามารถรองรับสรีระของผู้ขับขี่ได้อย่างมั่นคงจากปีกข้างทรงสูง ทำให้ผู้ขับขี่สัมผัสถึงบรรยากาศของห้องบังคับควบคุมแบบรถแข่งบนสนามอย่างแท้จริง ประจำการด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบนอน พกพาพละกำลังสูงสุดกว่า 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.3 วินาที เมื่อผสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ 8 จังหวะ Porsche dual-clutch transmission (PDK) หรือสามารถเลือกความเร้าใจจากระบบเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ  ที่ได้รับการปรับแต่งการเปลี่ยนอัตราทดให้ฉับไวเป็นพิเศษได้เป็นออปชั่นเสริมได้นอกเหนือจากระบบเกียร์ PDK

ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที ยนตรกรรมสปอร์ตสายพันธุ์แรงจากปอร์เช่ ราคาเริ่มต้นที่ 19,500,000 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูงสุดของปอร์เช่ในปัจจุบันถูกบรรจุให้อยู่ใต้ฝากระโปรงหน้าของ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที (Cayenne Turbo GT) ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุด 640 แรงม้า (471 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ยกระดับความแรงเพิ่มขึ้น 90 แรงม้า (67 กิโลวัตต์) และแรงบิดเพิ่มขึ้น 80 นิวตันเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับ คาเยนน์ เทอร์โบ คูเป้ (Cayenne Turbo Coupé)

เมื่อเครื่องยนต์อันทรงพลัง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ  8 จังหวะ Tiptronic S พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และควบคุมการกระจายแรงบิดด้วยระบบ Porsche Traction Management ที่ปรับตั้งมาเป็นพิเศษ ซึ่งให้อัตราเร่งที่รวดเร็วบนทางเรียบ จาก 0 -100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลา 3.3 วินาที ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที (Porsche Cayenne Turbo GT) จึงพุ่งทะยานทะลุพิกัดความเร็วสูงสุดกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ปอร์เช่ มาคันน์ ใหม่ ทรงพลัง เฉียบคม และสปอร์ตยิ่งกว่าที่เคย ราคาเริ่มต้นที่ 4,690,000 บาทเจเนอเรชั่นล่าสุดของปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ยังคงยืนหนึ่งในฐานะบรรทัดฐานสูงสุดของยนตรกรรมสปอร์ต คอมแพค SUV ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น เฉียบคมยิ่งกว่า และสปอร์ตเหนือชั้นมากกว่าที่เคย  เต็มพิกัดด้วยอุปกรณ์พิเศษมากมาย ทั้งชิ้นส่วนกันชนหน้าที่ได้รับการปรับโฉมช่องรับอากาศใหม่ และชิ้นงานตกแต่งสีเดียวกับตัวรถ

ยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ ทุกคันล้วนได้รับการยกระดับสมรรถนะด้านเครื่องยนต์ พละกำลัง และประสิทธิภาพในการทำงาน ครอบคลุมถึงการตกแต่งภายในห้องโดยสาร คอนโซลกลาง และฟังก์ชั่นการทำงานที่ผู้ขับขี่ย่อมสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง นับเป็นการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์การขับขี่ในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง

 

AUDI

ภายในบูธพบกับThe All-New A3 Sportback 35 TFSI S line ใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียงพร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง เทอร์โบชาร์จ ขนาด 1,395 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ร้อนแรง 0-100 กม./ชม. เพียงระยะเวลา 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 224 กม./ชม. เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ คันเกียร์ถูกออกแบบใหม่ ให้เป็น Compact Shifter ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์เกียร์ใหม่ช่วยเพิ่ม พื้นที่บริเวณคอนโซลกลางให้มีกว้างขวางมากขึ้น สะดวกสบายยิ่งขึ้น และควบคุมง่าย เพียงแค่ใช้นิ้วเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงในการเลือกเกียร์ที่ต้องการ เมื่อต้องการใช้เกียร์ Manual ก็สามารถใช้ Paddle Shift ตรงพวงมาลัย เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถทดได้หลายช่วง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันและเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่มากยิ่งขึ้น พื้นที่เก็บสัมภาระ 380 ลิตร ซึ่งสามารถขยายความจุได้ถึง 1,200 ลิตร ราคา 2.399 ล้านบาท

VOLVO

ภายในบูธ วอลโว่ พบกับ XC60 Recharge ใหม่ที่เฉลียวฉลาด มาพร้อมดวงตาพิเศษ ที่คอยดูแลให้ชีวิตคุณง่ายและปลอดภัยกว่าเดิม มองเห็นได้รอบทิศทาง ด้วยกล้องแบบ 360 องศา ใน XC60 Recharge ใหม่ ออกแบบมาเพื่อการจอดที่ง่ายและปลอดภัย ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท

 

 

MG

ภายในงานเอ็มจีได้แนะนำ MG Cyberster รถยนต์ต้นแบบพลังงานไฟฟ้า 100%  สไตล์สปอร์ตแบบ 2 ที่นั่ง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก MGB Roadster รถสปอร์ตในตำนานของเอ็มจี ซึ่งรถยนต์คันนี้จะไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ต้นแบบ แต่เอ็มจีกำลังจะปรับปรุงและพัฒนาให้กลายเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงในอนาคตอันใกล้นี้

เอ็มจี วางแผนนำ MG Cyberster เข้าสู่สายการผลิต และจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นเวอร์ชั่นที่ขายจริงในประเทศไทย (Thailand Edition) ภายในปี พ.ศ. 2566 พร้อมจัดทำแคมเปญ “MG Cyberster Prestige Reservation” ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาและเป็นเจ้าของ MG Cyberster เป็นกลุ่มแรกในประเทศไทย อีกทั้งยังได้รับสิทธิ์ร่วมกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย ซึ่งการจองสิทธิ์จะแบ่งเป็นระดับต่าง ๆ ตามจำนวนเงินจอง โดยหลังจากที่ MG Cyberster เปิดตัวอย่างเป็นทางการ จำนวนเงินดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการซื้อรถยนต์รุ่นนี้ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

- Silver Package ราคา 5,000 บาท แลกรับส่วนลดได้ถึง 50,000 บาท

- Gold Package ราคา 10,000 บาท แลกรับส่วนลดได้ถึง 100,000 บาท

 

PEUGEOT

เปอโยต์ 3008 เอสยูวี ยนตรกรรมอเนกประสงค์ยอดนิยม ผ่านการปรับโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยวและดูทันสมัยยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘FACE THE NEW FACE’ ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบไร้กรอบ สวยงามล้ำสมัย เพิ่มความชัดเป็นเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้าแบบฟูลแอลอีดี ที่ ไฟหน้าจะติดอัตโนมัติด้วยระดับความเข้มของแสงที่ต่ำกว่าปกติ ขนาบข้างด้วยเดย์ไทม์รันนิงไลท์แนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโต เพิ่มความสปอร์ตด้วยช่องดักลมสีดำบนกันชนหน้า ฝาประโปรงหน้า ติดตั้งตัวนูน ‘3008’ พร้อมราวหลังคาดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายแบบฟูลแอลอีดี พร้อมไฟเลี้ยวแบบไล่ระดับ ครอบแผงไฟท้ายทั้งหมดด้วยกระจกรมดำ ยาวจรดตัวถัง 2 ฝั่ง ช่วยให้รถดูกว้างขึ้นเมื่อมองจากด้านหลัง ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะหนัง ตัดกันกับสีด้ายที่ใช้เย็บตะเข็บอย่างลงตัว ตกแต่งตามจุดต่าง ๆ ด้วยวัสดุผ้าคุณภาพสูง ให้สัมผัสนุ่มนวลและดูหรูหรา มาตรวัดดิจิทัลอเนกประสงค์ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหน้าผู้ขับ สามารถปรับการแสดงผลได้อิสระ พร้อมเพิ่มความละเอียดและความเข้มของจอ ติดตั้งทัชสกรีนอเนกประสงค์ขนาด 10 นิ้ว บริเวณกลางแดชบอร์ด จอภาพความละเอียดสูง รองรับการสั่งงานด้วยเสียง

เปอโยต์ 3008 เอสยูวี ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร ทวินสกรอลล์เทอร์โบ 167 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร ที่ 1,400-4,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบ Electric Impulse พร้อม Advanced Grip Control กับ 5 โหมด ราคา 1.689 ล้านบาท นอกจากนี้เตรียพบกับ THE NEW PEUGEOT 2008 SUV ยนตรกรรมที่พร้อมสะท้อนตัวตนอันแตกต่างของคุณได้ พร้อมเปิดเผยรายละเอียดและราคาจำหน่ายเป็นครั้งแรก ที่บูธเปอโยต์

 

ISUZU

พบกับ “ใหม่! อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ...ไร้ขีดจำกัด”  ได้รับการปรับแต่งให้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างกันในแต่ละรุ่น  สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่แห่งความสปอร์ตหรู ยกระดับความพรีเมี่ยม สู่มาตรฐานใหม่ของรถปิกอัพระดับ TOP CLASS สีเทาโอเพคใหม่! (Islay Gray Opaque) เทรนด์สีใหม่ของวงการยานยนต์โลก นอกจากนี้ยังมีจุดปรับเปลี่ยนพิเศษในแต่ละรุ่น ได้แก่ 

อีซูซุวี-ครอส 4x4 พรีเมี่ยมสปอร์ตออฟโรดที่มาพร้อมความแรงจัด ขับสนุกเร้าใจของเครื่องยนต์ 3.0 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ กระจังหน้าแบบ Double Dimensions ดีไซน์แบบทูโทน สีเทาดำ และ Black Chrome พร้อมไฟท้าย ดีไซน์โทนสีเข้ม ใหม่! Front Bumper Guard สีทูโทน พร้อมชุดแต่งสีเทาดำรอบคันที่กระจกมองข้าง ราวหลังคา มือจับประตู บันไดข้าง Fender Lip, Robust Extender ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่! แบบ Robust Radius สี Matte Black ห้องโดยสารอารมณ์ใหม่ ผสานความเท่ สปอร์ต และหรูหรา  ด้วยดีไซน์ High-Class & Sporty เน้นสีแบบทูโทน ดำ-น้ำตาล คอนโซลหน้าสีดำ เบาะคู่หน้าดีไซน์ใหม่ เดินด้ายสีน้ำตาลอย่างพิถีพิถัน และพวงมาลัยสัมผัสใหม่ สีทูโทน พร้อมออกแบบให้มิติห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่อ่า แบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู ที่เติมเต็มอารมณ์ด้วยวัสดุตกแต่งพรีเมี่ยม สี Brown Cafe และ Satin Silver เพิ่มความสปอร์ตหรู  เหนือระดับไปอีกขั้น  และจัดวางสิ่งอำนวยสะดวกสบายตามหลัก Usability Design เน้นการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมระบบความบันเทิงสมบูรณ์แบบของ ISUZU Ultimate Entertainment

อีซูซุดีแมคซ์  รุ่น CAB 4, HI-LANDER และ SPACECAB เอกลักษณ์แห่งดีไซน์ที่หรูหรา สะดวกสบาย ตอบรับทุกเป้าหมาย ทุกการใช้งานในทุกด้านของการใช้ชีวิต เท่ เต็มอารมณ์สปอร์ต ด้วย ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions  ดีไซน์แบบทูโทน สี Chrome และ Dark Gray Metallic พร้อมไฟท้ายดีไซน์โทนสีเข้ม และ ใหม่! ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนดีไซน์แบบ Robust Radius ในรุ่น HI-LANDER  ยกระดับการออกแบบภายใน ด้วยการเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยม เติมเต็มความหรูด้วย Piano Black และ Satin Chrome พร้อมพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง โอ่อ่า แบบ Sharp Horizontal Layers คมเข้ม เล่นระดับกับแผงข้างประตู  เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ โอบกระชับ พร้อมเทคโนโลยี COOLMAX  ช่วยลดการสะสมความร้อน เบาะนั่งคู่หน้าเทคโนโลยี AVEC (Anti Vibration Elastic Comfort) ซับแรงสั่นสะเทือน ลดความเมื่อยล้า สะดวกสบายด้วยระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางในตำแหน่งที่นั่งคนขับ และ ใหม่! เกียร์อัตโนมัติ ใน HI-LANDER และ CAB 4 ในรุ่น LDA

อีซูซุเอ็กซ์-ซีรี่ส์ ยนตรกรรมดีไซน์เท่ แรงทะลุไมล์…เร้าใจสไตล์เอ็กซ์ (INFINITE X-LIFE) ขีดสุดความเร้าใจสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมชุดแต่งจัดเต็มสุดร้อนแรง แรงจัดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์อีซูซุ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ Gen 2 เติมเต็มพลังเรซซิ่งให้กับไลฟ์สไตล์ของคนหัวใจสปอร์ตที่พร้อมไปให้สุดแบบไม่ต้องมีลิมิต! โดยมาพร้อม ใหม่! กระจังหน้าแบบ Double Dimensions โดดเด่นสไตล์สปอร์ตด้วยดีไซน์แบบทูโทนสีดำ Glossy Black ผสานสีแดงเข้ม Garnet Red พร้อมไฟท้ายโทนสีเข้ม โฉบเฉี่ยวไม่ซ้ำใครด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง

- รุ่น SPEED สติกเกอร์คาดหน้า-หลัง ดีไซน์เท่เป็นเอกลักษณ์ สีเทาพร้อมขอบแดงใหม่ Garnet Red คมเข้มสะดุดตา พร้อมสัญลักษณ์ X ที่ด้านหน้า 

-รุ่น HI-LANDER สติกเกอร์คาดหน้า-หลัง พร้อมสัญลักษณ์ X ที่ด้านหน้าตกแต่งขอบด้วยสีเงิน Silver-Gray ในรุ่นสีขาว / ตกแต่งขอบด้วยสีทอง Light Gold-Silver ในรุ่นสีดำ ใหม่! ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีดำ Glossy Black ดีไซน์เท่แบบ Robust Radius เสริมความสปอร์ตพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ ISUZU สีแดง เข้มเต็มอารมณ์  

ออลนิว อีซูซุมิว-เอ็กซ์  ความสำเร็จใหม่ที่คุณกำหนด ยอดยนตรกรรมอเนกประสงค์ระดับหรู  ที่พร้อมขับเคลื่อนคุณไปสู่ความสำเร็จใหม่ได้ไม่สิ้นสุด เดินหน้าเพิ่มความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถยนต์ในระดับเดียวกัน  ล่าสุดเพิ่ม ใหม่! Turn Assist with AEB ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนทางขณะเลี้ยวขวา ในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS (Advanced Driver Assistance Systems) เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยล้ำหน้าล่าสุด เพิ่มความมั่นใจในทุกการเดินทาง นอกจากนี้ในรถอีซูซุทุกรุ่นยังได้เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ “เตือนการรับบริการ” เพื่อความสะดวกสบายของลูกค้าในการเข้ารับบริการหลังการขายจากอีซูซุ  

 

 

MAZDA

ไฮไลท์เด็ดบูธมาสด้าพบกับเอสยูวีน้องใหม่ล่าสุด NEW MAZDA CX-3 มาพร้อมเทรนด์สีใหม่ล้ำอนาคตกับ สีแพลตทินั่ม ควอตซ์ ให้ภาพลักษณ์สปอร์ตพรีเมี่ยมทุกมุมมอง ตอบรับทุกประสบการณ์ในแบบคุณด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ 2.0 ลิตร เพิ่มออฟชั่นความสะดวกสบายที่ครบครันมากยิ่งขึ้น นำทัพครอสโอเวอร์เอสยูวีและรถยนต์นั่งทุกรุ่นมาจัดแสดงเต็มพื้นที่ พร้อมข้อเสนอสุดร้อนแรงแห่งปี

NEW MAZDA2 รถยนต์นั่งขนาดเล็กแต่คุณภาพคับแก้ว หรูหราสปอร์ตพรีเมี่ยม คัดสรรด้วยวัสดุคุณภาพ พิถีพิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ดีไซน์ภายนอกและภายในหรูหรา สง่างาม โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร มาพร้อมตัวถัง 2 แบบ 2 สไตล์ ทั้งแบบซีดาน 4 ประตู และแฮตซ์แบค 5 ประตู ราคาเริ่มต้น 546,000 บาท

ALL-NEW MAZDA3 รถยนต์นั่งต้นแบบแห่งความสง่างาม เรียบหรูทุกมุมมอง การันตีความเป็นที่สุดจากงานดีไซน์ระดับโลก World Car Design of the Year 2020 ราคาเริ่มต้น 969,000 บาท

ALL-NEW MAZDA CX-30 สง่างามด้วยการออกแบบตามแนวคิด โคโดะ ดีไซน์ เรียบง่ายแต่งดงาม เจ้าของรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมปี 2020 จากสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย และติด Top 3 World Car of the Year 2020 ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท

NEW MAZDA CX-5 ครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ “พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง” เติมเต็มการใช้ชีวิตให้ก้าวไปสู่ความเป็นที่สุด ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุก ๆ วันกับครอบครัว ส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ล้ำหน้า ใส่เทคโนโลยีและออฟชั่นเพิ่มขึ้น แต่ราคาเริ่มต้นเพียง 1,320,000 บาท

NEW MAZDA CX-8 “ทุกช่วงเวลา...มีคุณค่าไม่สิ้นสุด” ยังคงความเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง หนึ่งเดียวในตลาดที่วางจำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและคลีนดีเซล กับราคาเริ่มต้นเพียง 1,499,000 บาท

ALL-NEW MAZDA BT-50 ปิกอัพใหม่สไตล์เอสยูวี ที่ผนวกคุณสมบัติที่ดีที่สุดของรถปิกอัพรวมเป็นหนึ่งเดียว ราคาเริ่มต้น 553,000 บาท

MAZDA MX-5 สปอร์ตโรดสเตอร์ที่ขายดีที่สุดในโลก แบรนด์ไอคอนของมาสด้าเจ้าตำนานแห่งความสนุกสนานในการขับขี่ หลังคาเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองความต้องการของแฟนพันธุ์แท้มาสด้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ด้วยราคาจำหน่าย 2,905,000 บาท

 

TOYOTA

พบกับ โคโรลล่า ครอส HEV GR Sport รถอเนกประสงค์ SUV ยอดขายอันดับหนึ่งในตลาด C-SUV ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกที่โฉบเฉี่ยว  ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ และความเงียบภายในห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยม ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานของอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated และกล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ (Panoramic view monitor) นอกจากนี้ยังแข็งแกร่งด้วยสถาปัตยกรรมโครงสร้างยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่า ควบคู่ไปกับระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า (Toyota Safety Sense) มั่นใจในทุกสภาพการขับขี่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ทั้งแบบไฮบริดรุ่นล่าสุดเจเนเรชันที่ 4 และเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i ที่ตอบสนองด้วยอัตราเร่งที่เร้าใจ และประหยัดน้ำมัน ราคา 1,249,000 บาท

โตโยต้า คัมรี รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ล่าสุดที่มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ได้แก่ เครื่องยนต์สำหรับรุ่นไฮบริด ผสาน 2 พลัง มอเตอร์ไฟฟ้า x เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Dynamic Force ทำงานร่วมกันอัตโนมัติ ให้การตอบสนองเต็มกำลัง และเกียร์ E-CVT ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อความทนทานและประหยัดน้ำมันได้ดีเยี่ยม และ เครื่องยนต์สำหรับรุ่นเบนซิน เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขีดสุดแห่งสมรรถนะ เร้าใจในทุกช่วงความเร็ว ด้วยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร Dynamic Force ให้อัตราเร่งเต็มพลังตอบสนองได้ดั่งใจ แต่คงไว้ซึ่งอัตราประหยัดน้ำมันที่น่าประทับใจ ราคาเริ่มต้น 1,475,000 - 1,809,000 บาท

โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport ขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้รับแรงบันดาลใจจากรถแข่งระดับโลกที่เข้าร่วมการแข่งขันในรายการ World Rally Championship (WRC) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายการแข่งขันรถยนต์อันดับต้น ๆ ของโลก โดยรถรุ่นนี้เหมาะสำหรับที่ลูกค้า ที่มีความชื่นชอบรถกระบะดีไซน์ GR Sport  ที่เพียบพร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่อันยอดเยี่ยม เหนือใคร มาพร้อมกับโช้คอัพแบบโมโนทูบ (Monotube Shock Absorber)  เพิ่มประสิทธิภาพ ในการควบคุมการขับขี่ให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น พร้อมขับลุยได้ในทุกสภาพถนน

ไฮลักซ์ รีโว่ GR Sport ยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ (Hi-Floor (4x4)) รถกระบะยกสูงรุ่นท็อป Premium Adventure เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหารถกระบะดีไซน์สปอร์ต ที่มาพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ขั้นสูง ทรงพลังขับสนุก ควบคุมได้ดั่งใจ สามารถขับลุยได้ทุกที่ ในขณะเดียวกันให้ความรู้สึกเหมือนขับขี่รถยนต์นั่ง และมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกของรถโตโยต้า Toyota Safety Sense

ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นมาตรฐาน (B-CAB) เพิ่มความแรงด้วยเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ให้มีสมรรถนะทรงพลังมากยิ่งขึ้น มอบกำลังสูงสุดถึง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มองหาเครื่องยนต์กำลังสูง เหมาะสำหรับกลุ่มที่ต้องใช้บรรทุกของหนักหรือใช้ในธุรกิจด้าน Logistics ที่มีความแรง ทนทาน สามารถพาไปได้ทุกที่

ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่น Z-Edition หรือ ตัวเตี้ย เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า Bi-Beam LED พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow-Me-Home และไฟท้ายแบบ LED Light Guiding ในรุ่น Mid เพิ่มความสปอร์ตในทุกมุมมอง ให้ดูน่าดึงดูดสายตามากยิ่งขึ้นสอดรับกับโป่งล้อ Wide Body ได้เป็นอย่างดี

ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นยกสูงหรือ Prerunner และขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มฟังก์ชั่นความปลอดภัย ให้ความมั่นใจในการขับขี่อย่างเต็มพิกัดด้วยกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) และ ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง (Blind Spot Monitor) และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่  GR Sport และโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ รุ่นปรับปรุงใหม่ปี 2564 ราคาเริ่มต้น 544,000 - 1,299,000 บาท

โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ GR Sport มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์ตามแบบฉบับรถแข่งดับโลก Toyota Gazoo Racing  สะท้อนความเป็น Sport Premium PPV ด้วยกระจังหน้าสีดำเงาดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ GR กันชนหน้าพร้อมชุดตกแต่งสีดำเงา มือจับประตูสีเดียวกับตัวรถ สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ต และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว สีพิเศษเฉพาะรุ่น GR Sport ดีไซน์ภายในโดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกมุมมองด้วยโทนสีดำสลับแดง ให้ความรู้สึกแบบรถแข่ง คงไว้ซึ่งความหรูหราไว้อย่างลงตัวด้วย ราคา 1,879,000 บาท

TOYOTA YARIS และ ATIV รุ่นปรับปรุงใหม่ ได้รับการพัฒนาในด้านดีไซน์ให้มีความสปอร์ต พรีเมียม ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมกับกระจังหน้าด้านบนสีดำเงา วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอก สเกิร์ตด้านข้าง และด้านหลัง สปอยเลอร์หลัง ตลอดจนล้ออัลลอยปัดเงาสีดำตกแต่งด้วยขอบสีเงินขนาด 15 นิ้ว ภายในได้ปรับพวงมาลัยแบบ Soft Touch หุ้มหนังชนิดนุ่มพิเศษ สามารถตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่หลากหลาย พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกสนาน “Fun-To-Drive” เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน YARIS และ ATIV มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นมาตรฐาน และเพิ่มรุ่นภายในตกแต่งพิเศษสีทูโทน Terra Rossa และสีดำอีก 2 รุ่น ควบคู่ไปกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ X-URBAN เพื่อให้ YARIS โดดเด่นยิ่งขึ้นไปกับสไตล์ที่แตกต่าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกเป็นเจ้าของตามสไตล์ที่ชื่นชอบอีกด้วย TOYOTA YARIS รุ่นปรับปรุงใหม่ ราคาเริ่มต้น 549,000 - 684,000 บาท TOYOTA ATIV รุ่นปรับปรุงใหม่ ราคาเริ่มต้น 539,000 - 679,000 บาท

 

HONDA

ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียมสะท้อนตัวตนสไตล์เอสยูวีได้อย่างชัดเจน โดดเด่นด้วยตัวถังที่ปราดเปรียวในสไตล์สปอร์ตคูเป้ กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีเดียวกับตัวรถ (รุ่น e:HEV EL) และกระจังหน้าสีดำเงา (รุ่น e:HEV E) ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED (รุ่น e:HEV EL และรุ่น e:HEV RS) กันชนหน้าและหลังดีไซน์ใหม่ พร้อมด้วยไฟท้ายแบบ LED Light Strip ที่เชื่อมต่อกับไฟเบรกเป็นเส้นแนวยาว อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น อีกทั้งสปอยเลอร์หลังแบบสปอร์ต เสาอากาศครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว (รุ่น e:HEV E และรุ่น e:HEV EL) สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย ราคาเริ่มต้น 979,000 - 1,179,000 บาท

ฮอนด้า แจ๊ซ มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวทันสมัย ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย รองรับทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเบาะนั่งอัลตราซีท ที่สามารถพับและปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้ถึง 4 โหมดการใช้งาน พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ สปอร์ตยิ่งขึ้นกับรุ่น RS ที่มาพร้อมเอกลักษณ์การออกแบบรอบคัน ขับขี่สนุกเร้าใจด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC ขนาด 1.5 ลิตร ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมียมสำหรับ ฮอนด้า แจ๊ซ สีพิเศษ สีเทาโซนิค (มุก) จะมีจำนวนจำกัดเพียง 1,500 คัน ทั่วประเทศ และมีให้เลือกใน 3 รุ่นย่อย จากทั้งหมด 6 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น RSราคา 745,000 บาท รุ่น V+ ราคา 700,000 บาท และ รุ่น S CVT ราคา 600,000 บาท

ฮอนด้า แอคคอร์ด ผู้นำด้านยนตรกรรมที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ทั้งด้านการขับเคลื่อน ขุมพลังเทอร์โบและฟูลไฮบริด และด้านความปลอดภัย มอบความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน ครอบคลุมทุกรุ่นย่อย อาทิ ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง และเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ Honda CONNECT พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย เติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์แบบในราคาที่คุ้มค่า เริ่มต้นที่ 1,499,000 บาท ใน แอคคอร์ด รุ่น EL และแนะนำ แอคคอร์ด e:HEV ที่มาพร้อมเอกลักษณ์ของยนตรกรรมไฮบริดด้วยโลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV มอบอากาศบริสุทธิ์ด้วยเทคโนโลยีระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร พลาสม่าคลัสเตอร์ โดยราคาจำหน่ายรุ่น e:HEV EL+ 1,639,000 บาท และรุ่น e:HEV TECH 1,799,000 บาท

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจเนอเรชันที่ 11 ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตพรีเมียมในทุกมุมมอง เสริมความโฉบเฉี่ยวเร้าใจด้วยรุ่น RS ดีไซน์สุดเอกซ์คลูซีฟสไตล์สปอร์ตที่ตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำรอบคัน พร้อมปลอกท่อไอเสียคู่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย พร้อมโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ถึง 3 โหมด นอกจากนี้ ในทุกรุ่นย่อย ให้ความแรงทรงพลังเร้าใจเกินใคร ด้วยเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.5 ลิตร ใหม่ พร้อมระบบเกียร์ CVT ให้กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม 17.2 กม./ลิตร ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85 และมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ยกระดับไปอีกขั้นกับระบบใหม่ Lead Car Departure Notification System (LCDN) สะดวกสบายแบบเหนือกว่ากับครั้งแรกของระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะพร้อม Honda Smart Key Card ครบครันด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 964,900 บาท

 

MITSUBISHI

มิตซูบิชิ นำรถยนต์โด่งดังในตำนานมาปลุกกระแสความฟีเวอร์อีกครั้ง มาให้คนไทยได้ชมกันอีกครั้ง ทั้งคุณปู่รุ่นแรก มิตซูบิชิ ลีโอ รถสามล้อ เป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น มาให้ได้สัมผัสกันแบบเต็ม ๆ พร้อมดึงจิตวิญญาณของรถสังเวียนการแข่งขัน มิตซูบิชิ แลนเซอร์ รถเก๋งรุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดรุ่นหนึ่ง แถมท้ายดีกรีนักแข่งในสนาม WRC  ในการแข่งขันแรลลี่ชิงแชมป์โลก รุ่นมิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชั่น WRC05 ทั้งนี้มิตซูบิชิได้เลิกผลิตรถรุ่นนี้แล้ว

อีกรุ่นหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงกระฉ่อนโลกไม่แพ้รถเก๋ง เป็นรถอเนกประสงค์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ รุ่นต้นแบบ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ดาการ์ แรลลี่ ตั้งแต่ปี 2526 จนถึง 2552 จึงไม่ได้ร่วมลงแข่ง มาปีนี้ มิตซูบิชิ แจแปน รื้อฟื้นชุดแต่ง แรลลี่อาร์ต ให้กลับมาโลดแล่นบนรถโปรดักชั่น คาร์อีกครั้ง ด้วยการส่งรถตแกต่งพิเศษแรลลี่ อาร์ต ให้กับรถยนต์ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต และมิตซูบิชิ ไทรทัน ในรุ่น เมก้า แค็บ กับดับเบิ้ล แค็บ

สำหรับ มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต ได้ตกแต่งความเท่ด้วย เพิ่มดีกรีความดุดัน เข้าไปเพื่อ DNA สายพันธุ์สปอร์ตให้กัลับมาคึกคักอีกครั้ง ภายนอกเริ่มจาก กระจังหน้าเป็นสีดำ , ไฟหน้าพร้อมแถบตกแต่งสีดำ , ชุดตกแต่งกันชนหน้าและหลัง แรลลี่อาร์ต , ล้ออัลลอยสีดำ ,ชุดตกแต่งบังโคลนซุ้มล้อ, แผ่นกันโคลนแรลลี่ อาร์ต  ,ราวหลังคาสีดำ,เสาอากาศแบบครีมฉลาม ,สปอยเลอร์หลังสีดำและสติ๊กเกอร์ด้านข้างแรลลี่อาร์ตโลโก้

ในส่วนของมิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่ อาร์ต รุ่นเมกก้า แค็บ เติมความหล่อด้วยกระจังหน้าสีดำ , ชุดตกแต่งกันชนหน้าแรลลี่อาร์ต , แผ่นกันโคลนแรลลี่ อาร์ต , ล้ออัลลอยสีดำ , กรอบกระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยว, หลังคาสีดำ , สติ๊กเกอร์ด้านข้างแรลลี่อาร์ตโลโก้ , มือเปิดประตูด้านนอกสีดำ , มือเปิดกระบะท้ายสีดำ, กันชนท้ายสีดำ, ภายในห้องโดยสาร หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน , พรมปูพื้นแรลลี่ อาร์ต

สุดท้าย ไทรทัน แรลลี่ อาร์ต รุ่นดับเบิล แค็บ กระจังหน้สีดำ ,ชุดตกแต่งกันชนหน้าแรลลี่อาร์ต , แผ่นกันโคลนแรลลี่ อาร์ต , ล้ออัลลอยสีดำ , กรอบกระจกมองข้างสีดำ พร้อมไฟเลี้ยว, หลังคาสีดำ , สติ๊กเกอร์ด้านข้างแรลลี่อาร์ตโลโก้ , มือเปิดประตูด้านนอกสีดำ , มือเปิดกระบะท้ายสีดำ, กันชนท้ายสีดำ และพรมปู้พื้นแรลลี่ อาร์ต

 

 

NISSAN

ไฮไลท์รถยนต์รุ่นพิเศษในบูธนิสสันปีนี้ได้แก่ นิสสัน จีที-อาร์ ที-สเปค, นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ สกาย อิดิชั่น,   นิสสัน อัลเมร่า สีใหม่ ไนท์ บลู (Night Blue), นิสสัน เทอร์ร่า มิดไนท์ (Midnight) แพ็คเกจ และนิสสัน นาวารา เอ็กซ์ทรีมเมอร์-เอ็กซ์ (Extremer-X) แพ็คเกจ สำหรับผู้ที่สนใจนิสสัน อัลเมร่า ไม่ควรพลาดกับแคมเปญฉลองครบรอบ 10 ปี นิสสัน อัลเมร่า ในประเทศไทย ซึ่งนิสสันได้จับมือกับสไมลี่ฮาวด์ ออกแบบคอลเลกชันเพื่อนซี้เป็นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถนิสสัน อัลเมร่า ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ถึง 31 ธันวาคม 2564 (มีจำนวนจำกัด 1,000 เซต

 

 

SUZUKI

ไฮไลท์สำคัญ คือ SUZUKI SWIFT GL PLUS สปอร์ตแฮทช์แบกอีโคคาร์รุ่นตกแต่งพิเศษ ภายใต้แนวคิด “เร้าใจเต็มสปีด สุดขีดสไตล์พลัส”  ที่จะมาเติมเต็มทุกความต้องการ ด้วยการยกระดับความสปอร์ตเร้าใจไปอีกขั้นกับชุดแต่งดีไซน์ใหม่ ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษรอบคันเพื่อลูกค้าซูซูกิทุกท่านกับชุดสเกิร์ตรอบคันพร้อมด้วยสปอยเลอร์หลังเติมเต็มความสปอร์ตให้มากขึ้นไปอีกขั้น เสาอากาศครีบฉลาม ซุ้มล้อสีดำ บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ เฉพาะรุ่น GL PLUS โดยจะมีจำหน่ายในราคาเพียง 567,000 บาท

นอกจากนั้น ผู้เข้าชมงานทุกท่านจะได้พบกับรถยนต์ของซูซูกิทุกรุ่น ประกอบไปด้วย SUZUKI SWIFT สปอร์ตอีโคคาร์ยอดนิยมของคนไทย สร้างยอดขายเป็นอันดับหนึ่งของซูซูกิมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากดีไซน์อันโดดเด่น เครื่องยนต์รหัส K12M ขนาด 1.2 ลิตร หัวฉีดคู่ DUALJET ช่วยลดมลพิษและประหยัดน้ำมันถึง 23 กิโลเมตรต่อลิตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 557,000 บาท 

SUZUKI XL7 รถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาด 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light  ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคัน ซุ้มล้อสีดำพร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว ราวหลังคาเพิ่มการบรรทุกสัมภาระมากยิ่งขึ้น คอนโซลหน้าสไตล์สปอร์ต ตกแต่งด้วยวัสดุลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ ห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบาย ด้วยเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง มอบวิสัยทัศน์ในการขับขี่และขับผ่านอุปสรรคบนท้องถนนที่ดียิ่งขึ้น ด้วยราคาจำหน่าย 779,000 บาท

SUZUKI CIAZ อีโคคาร์ซีดานที่นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีความสดใหม่ ชูความสปอร์ตเร้าใจและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น วางราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 523,000 บาท

SUZUKI CELERIO รถยนต์นั่งขนาดคอมแพ็คคุณภาพเกินตัว และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รถยนต์รุ่นนี้สามารถทำยอดขายได้ดีเกินคาด ส่วนหนึ่งมาจาก สมรรถนะการขับที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นเจ้าของได้ง่าย ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 328,000 บาท 

SUZUKI ERTIGA หนึ่งในรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยวเร้าใจ ด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยม ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ เสริมด้วยไฟตัดหมอกทรงกลม ไฟท้าย LED และล้ออลูมิเนียมอัลลอยขนาด 15 นิ้ว ราคาจำหน่ายเริ่มต้น 659,000 บาท 

SUZUKI CARRY รถกระบะบรรทุกอเนกประสงค์ มิติตัวรถขนาดความยาว 4,195 มม. ความกว้าง 1,765 มม. และความสูง 1,910 มม. กระบะบรรทุกแบบเรียบ ผลิตจากแผ่นเหล็กเสริมกัลวาไนซ์มีคุณสมบัติป้องกันสนิมและการสึกกร่อน เพิ่มความกว้างและความยาวของพื้นที่บรรทุกอยู่ที่ 1,670 มม. และ 2,450 มม. สามารถเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน ขนถ่ายสัมภาระได้สะดวกยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ รับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดถึง 945 กิโลกรัมราคาจำหน่ายเพียง 385,000 บาท

สำหรับในโซน Customized จะนำรถยนต์ SUZUKI SWIFT ที่คว้ารางวัลชนะเลิศจำนวน 3 คัน จากกิจกรรม  “Swift Power You Up Contest” ซึ่งเปิดให้ผู้จำหน่ายรถยนต์ซูซูกิ สมัครเข้าร่วมการประกวดตกแต่งรถ SUZUKI SWIFT ในสไตล์ของแต่ละโชว์รูมเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบในการเติมแต่งรถยนต์ของตัวเองให้สวยงาม อีกหนึ่งความภาคภูมิใจและอยากนำเสนอเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจเป็นของตนเองกับการต่อยอดแนวคิดธุรกิจติดล้อ ผ่านการร่วมมือครั้งสำคัญ SUZUKI CARRY x BAR B Q PLAZA ซึ่งเป็นการนำเสนอแนวคิดสำหรับผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องมีการปรับตัวทั้งในรูปแบบการนำเสนอสินค้าและการให้บริการ

 

 

SUBARU

ภายในบูธซูบารุพบกับ The New Subaru XV EyeSight Driver Assist เปิดตัวครั้งแรกในงาน มาพร้อมเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย EyeSight Driver Assist ที่ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 61% เทคโนโลยีขั้นสูงนี้สามารถประมวลผลได้อย่างแม่นยำ มาพร้อม 6 ฟังก์ชั่นความปลอดภัย มอบรูปแบบการขับขี่ที่หลากหลาย SI Drive สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ในแบบของคุณ "Intelligent" เพิ่มความนุ่มนวลและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และโหมด "Sport" ปรับอัตราเร่งให้การขับขี่ของคุณสนุกสนานยิ่งขึ้น