รถยนต์รุ่นใหม่ระดับราคา 1-2 ล้านบาท

ที่น่าจับตาในปี 2024

 

เปิดกันที่ค่ายพี่เบิ้ม-โตโยต้าที่ครองยอดจองสูงสุด ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2024 ด้วยจำนวน  8,540 คัน ค่ายนี้ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค เพราะมีรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป รถพลังงานทางเลือกหลากหลายรุ่น กระแสความนิยมจึงไปตกที่เจ้าตลาด อย่างโตโยต้า ที่มีรถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ วันนี้จะขอหยิบยกรถยนต์ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท มานำเสนอ...

 

Toyota Corolla Cross 2024 ที่ได้มีการปรับปรุงในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบประสบการณ์ในการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า โดยดีไซน์ใหม่นี้ เป็นการเปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในโลก ด้วยดีไซน์กระจังหน้าแบบ “Multi-Dimensional Design” ไฟหน้า ดีไซน์ใหม่ แบบ LED Crystalized Headlamp และ ไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ Sequential เหนือระดับ ด้วยหลังคา Panoramic Roof แบบ Frameless พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาอิสระ

ทั้งยังมาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้วย หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และช่องต่อ USB แบบ type C โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM และช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA, ระบบช่วยเตือนขณะจอดรถ พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ Parking Support Brake, ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ Tire Pressure Monitoring System, กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor (PVM) 360° View, สัญญาณเตือนกะระยะ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, กล้องวิดีโอบันทึกภาพติดรถยนต์ รวมทั้ง ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake และระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold  ราคาเริ่มต้น 999,000 บาท - 1,254,000 บาท

 

 

ส่วนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับการอบรับจากลูกค้าดีเช่นกันได้แก่ New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมสีภายนอกใหม่ ให้ความรู้สึกดุดันอย่างสีดำ Quantum Black พร้อมเสาดี (D Pillar) สีดำ ที่ผสานกับดีไซน์ภายนอกอย่างหรูหราลงตัว โดดเด่นด้วย Wing Feather Dragon Crystal LED Combination Headlights หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ดีไซน์ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ ระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายไฟฟ้าแบบ One-Touch กระจกมองข้างพับและปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบทำความร้อนไล่ฝ้า ภายในห้องโดยสารตกแต่งภายในสไตล์ Rhythmic Interior มาพร้อมโทนสีน้ำเงิน-ดำ และน้ำเงิน-เทา ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยหน้าจอกลางสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ที่ปรับหมุนเป็นแนวตั้งและแนวนอนได้ หน้าจอแสดงผลด้านคนขับแบบดิจิทัลขนาด 5 นิ้ว จัดเต็มฟีเจอร์อัจฉริยะและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มประสบการณ์การขับขี่บนท้องถนนอย่างเหนือชั้น

New BYD ATTO 3 Extended รุ่นปี 2024 มาพร้อมกับขุมพลังแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง Blade Battery สิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ BYD ความจุ 60.48 กิโลวัตต์ ให้ระยะทางวิ่งตามมาตรฐาน NEDC สูงสุด 480 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง ภายใน 7.3 วินาที พร้อมขับเคลื่อนกำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์หรือ 201 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร และมีระบบ VtoL (Vehicle To Load) เทคโนโลยีที่ใช้แบตเตอรี่จ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ ระบบเบรกพร้อมระบบชาร์จพลังงานกลับอัตโนมัติ ช่วงล่างด้านหน้ามีระบบกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังระบบมัลติ-ลิงค์ ยึดเกาะถนนดีเยี่ยมพร้อมมอบความนุ่มนวลทุกเส้นทางใช้ระบบดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อนบริเวณด้านหน้ารถ รองรับหัวชาร์จ แบบ AC Type 2 และแบบ DC - CCS 2 สูงสุด 88 กิโลวัตต์  ราคา 1,049,900 บาท 

 

ค่ายนี้ก็ไม่ธรรมดา น่าจับตาเช่นกัน Deepal L07 รถยนต์ฟาสต์แบ็คไฟฟ้าดีกรีรางวัลชนะเลิศการออกแบบผลิตภัณฑ์จากงาน Red Dot Design Award (ชื่อที่ได้รับรางวัล : SL03) มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังสำหรับมอบประสบการณ์การขับขี่ที่หลากหลาย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ล้ำสมัยกับดีไซน์กันชนหน้าแบบ grille-less และระบบไฟอัจฉริยะพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่อย่างเต็มที่ Deepal L07 สร้างบนแพลตฟอร์ม EPA1 ช่วยให้รถมีสมรรถนะการควบคุมและการทรงตัวที่ดีเยี่ยม สามารถส่งมอบอัตราเร่งเต็มกำลังจากมอเตอร์เดี่ยวพลังขับเคลื่อนล้อหลังกำลังสูงสุด 190 kW (258 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 66.8 kWh มอบระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (NEDC) วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 5 สี ราคา 1,329,000 บาท

 

Deepal S07 รถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะที่ผสมผสานสุนทรียศาสตร์ของความสปอร์ตเข้ากับไลฟ์สไตล์ของครอบครัว มอบความสะดวกสบายขั้นกว่ากับพื้นที่ภายในกว้างขวาง Deepal S07 สร้างบนแพลตฟอร์ม EPA1 ทำให้ตัวรถมาพร้อมกับการทรงตัวและสมรรถนะการควบคุมที่ดีเยี่ยม สามารถส่งมอบอัตราเร่งเต็มกำลังจากมอเตอร์เดี่ยวพลังขับเคลื่อนล้อหลังกำลังสูงสุด 190 kW (258 แรงม้า) และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 66.8 kWh ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 485 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (NEDC) วางจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 6 สี ราคา 1,399,000 บาท

 

ค่ายนี้ก็มีรถยนต์ใหม่ ๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจเช่นกัน GWM ORA Good Cat โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED อัจฉริยะรูปทรงตาแมวอันเป็นเอกลักษณ์ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และเพิ่มความสปอร์ตในรุ่น GT ด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีเหลือง พร้อมการออกแบบภายในอย่างประณีตพร้อมดึงดูดทุกสายตา ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) และรุ่น GT เอาใจสายสปอร์ต มีพละกำลังสูงสุด 126 กิโลวัตต์ หรือ 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร วิ่งได้ 460 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) GWM ORA Good Cat มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย รุ่น PRO ราคา 799,000 บาท รุ่น ULTRA ราคา 899,000 บาท และ GT ราคา 1,099,000 บาท

 

ปีนี้ยี่ห้อนี้ก็เกาะกระแสใช้ได้ทีเดียว รถใหม่เต็มบูท แต่ที่เด่นเครื่องใหม่กิ๊ก New Mitsubishi Pajero Sport 2024 หลอมรวมที่สุดแห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (Mitsubishi Motors-ness) ต่อยอดทุกเทคโนโลยีสู่ขั้นสุด ด้วยขุมกำลังใหม่ “ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power)” เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.4 ลิตร เปี่ยมสมรรถนะ ทะยานไปสู่ทุกจุดหมายด้วยพลังการควบคุมที่เหนือระดับ จัดเต็มเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน มอบความสะดวกสบายยิ่งกว่าให้กับทุกที่นั่ง ภายในตกแต่งใหม่ด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นสะดุดตาด้วยการปรับโฉมเติมความคมเข้มปราดเปรียว ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ นักเที่ยวสายลุย ที่มีความมั่นใจในตัวเอง กล้าคิดกล้าทำกล้าใช้ชีวิต โดยมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และขับเคลื่อน 2 ล้อ พร้อมจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ราคาเริ่มต้น 1,389,000 บาท - 1,689,000 บาท

 

สำหรับเกาหลีก็ไม่น้อยน่า มีรถใหม่ที่ติดกระแสเช่นกัน HYUNDAI IONIQ 6 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดจากฮุนไดการันตีคุณภาพและสมรรถนะด้วยรางวัลจากเวที World Car Awards 2023 ถึง 3 สาขา ทั้งรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี, รางวัลรถยนต์ไฟฟ้ายอดเยี่ยม และ รางวัลรถยนต์ดีไซน์ยอดเยี่ยม ดีไซน์ของ IONIQ 6 ผสานความสง่างามเข้ากับความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมไฟหน้าและไฟท้ายแบบ Parametric Pixel อัตลักษณ์ของ IONIQ ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ระบบไฟ Dual Ambient Mood Lighting

พร้อมระบบ infotainment ล่าสุด ทั้งหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว และเครื่องเสียง BOSE premium sound system และยังเพียบพร้อมด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง Hyundai SmartSense เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ด้านสมรรถนะโดดเด่นด้วยการขับเคลื่อนของ มอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลัง 229 แรงม้า 350 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-Ion ขนาด 77.4 kWh ขับได้ไกลสุด 545 กม. ตามมาตรฐาน WLTP โดย HYUNDAI IONIQ 6 เปิดตัวราคาพิเศษเริ่มต้น 1,899,000 บาท

 

The Kia EV5 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์ขนาดกลางรุ่นแรกในไทยที่พัฒนาขึ้นจากปรัชญาการออกแบบ ‘Opposites United’ ของเกีย โดดเด่นด้วยพื้นที่แถวสองที่กว้างขวางที่สุดในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน พร้อมนำเสนอฟีเจอร์การใช้งานอเนกประสงค์และมีระยะขับขี่ได้ไกลที่สุดในรถยนต์เซกเมนต์เดียวกัน ด้วยระยะทางถึง 665 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC โดยมาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 7 ปี และราคาพิเศษช่วงเปิดตัวเริ่มต้นที่ 1,249,000 บาท

 

 

ยุโรปก็ติดโผ เพราะราคาเชิญชวนมาก สำหรับเจ้าตัวนี้ BMW 220i Gran Coupe M Sport ใหม่ รุ่นประกอบในประเทศ แตกต่างไม่เหมือนใครด้วยเค้าโครงที่โฉบเฉี่ยวกว่าเคยด้วยดีไซน์ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์คูเป้รุ่นคลาสสิค เช่น กระจกประตูข้างแบบไร้กรอบทั้ง 4 ประตู ส่วนรูปลักษณ์สปอร์ตโหลดเตี้ยทรงกว้าง ในขณะที่ตัวรถด้านข้างบริเวณเสา C โดดเด่นชัดเจน พร้อมเส้นโค้งอันทรงพลังของล้อหลัง และไฟท้ายเพรียวบางที่ลาดออกในแนวนอน ควบคู่ชิ้นส่วนสีดำ High-gloss Black ไฟหน้า ไฟท้าย LED มาพร้อมตัวรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ชุดแต่ง M Aerodynamics มาพร้อมกับบังโคลนทั้งล้อหน้าและท้าย รวมถึงแถบสเกิร์ตด้านข้างตัวรถสำหรับรุ่น M โดยเฉพาะ พร้อมกับล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว ในลาย Double-Spoke แบบสลับสี และหลังคาพาโนรามิคขนาดใหญ่ที่เปิดออกด้านนอกได้ไม่จำกัดระดับ พร้อมโหมดระบายอากาศไฟฟ้า อวดโฉมความปราดเปรียวอันเหนือชั้น ส่งอัตลักษณ์ความเร้าใจสไตล์สปอร์ตให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ภายในห้องโดยสารผสมผสานความหรูหราด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมและพื้นที่ใช้สอยที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งไลฟ์สไตล์ครอบครัวและการเดินทางระยะไกล มาพร้อมแผงหน้าปัด Instrument Cluster ขนาด 10.25 นิ้ว รวมไปถึงจอสัมผัส Control Display ขนาด 10.25 นิ้ว ครบครันด้วยระบบช่วยการขับขี่ Driving Assistant พร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant)

BMW 220i Gran Coupe M Sport ส่งตรงขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร และเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ ด้านเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที ส่งพลังให้เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 238 กิโลเมตรต่อชั่วโมง BMW 220i Gran Coupe M Sport จำหน่ายในราคาสุดพิเศษ 1,999,000 บาท จากราคาปกติ 2,299,000 บาท

 

MINI Cooper S Countryman Highlands Edition มาพร้อมชุดแต่ง MINI ALL4 รวมถึงสัญลักษณ์ไฮแลนด์ โดดเด่นสะดุดตา เพิ่มความพิเศษให้กับการออกแบบที่หรูหราเหนือระดับ ภายในห้องโดยสารประกอบด้วยเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตที่โอบกระชับ พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยที่มอบความสะดวกสบาย แต่ยังคงความสนุกมีสไตล์ตามแบบฉบับของ มินิ คันทรีแมน

มินิ คูเปอร์ เอส คันทรีแมน Highlands Edition มอบสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ซึ่งเป็นที่นิยม มอบพละกำลังสูงสุด 141 กิโลวัตต์ / 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตรที่ 1,350-4,600 รอบต่อนาที เมื่อผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Steptronic แบบคลัทช์คู่ สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 224 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งความเร็วถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 7.4 วินาที ราคา 2,299,000 บาท

 

รถยนต์จากอเมริกาแบรนด์นี้ สาวกปลื้มหนักมาก ยอดจองรถรุ่นพิเศษ หมดอย่างไว Ford Everest Platinum รุ่นย่อยใหม่ล่าสุดของรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พัฒนาขึ้นด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีที่เหนือชั้น เรียบหรูตามแบบฉบับแพลทินัม มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter มอบพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร แตกต่างด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหรา ตั้งแต่กระจังหน้าขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทตินัม พร้อมตัวอักษร PLATINUM สีโครเมียม 3 ตำแหน่งบนฝากระโปรงหน้า บานประตูคู่หน้า และฝาท้าย หลังคาสีดำ (Black Roof) ตราสัญลักษณ์ วี 6 โดดเด่นบนช่องระบายอากาศด้านข้างตัวถัง และล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว

มาพร้อมระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง หรูหรา สะดวกสบาย เบาะหนังสีดำตกแต่งโลโก้ซิกเนเจอร์ PLATINUM เป็นเอกลักษณ์ เบาะนั่งคนขับและเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอากาศและระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง เบาะนั่ง 2 แถวหน้ามีชุดทำความร้อนและระบายอากาศที่ควบคุมได้ผ่านหน้าจอ SYNC และยังมีฟังก์ชันการปรับตำแหน่งเบาะที่นั่งให้เข้าออกสะดวกสำหรับเบาะนั่งคนขับ (Easy Entry and Exit) รวมถึงระบบเสียง Bang & Olufsen® ลำโพง 12 ตำแหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มองหาความเป็นเลิศในการใช้ชีวิตขณะที่ยังคงแสวงหาการผจญภัย ด้วยสมรรถนะและเทคโนโลยีเหนือชั้น พร้อมดีไซน์ที่เน้นความเท่ ดุดัน เรียบหรู โดยฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม วี 6 ราคา 2,279,000 บาท

 

 

Ford Ranger Wildtrak V6 รถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ ยกระดับความแกร่งไปอีกขั้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ได้รับความนิยมมายาวนานในต่างประเทศ มีความเสถียรและทนทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้นสำหรับการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter มอบพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร มาพร้อมล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ และตราสัญลักษณ์ วี 6 โดดเด่นบนช่องระบายอากาศด้านข้างตัวถัง ระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถเมื่อต้องการแสงสว่างในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในตอนกลางคืน และกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB รวมถึงเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบเบรครถอัตโนมัติชั่วคราว (Auto Brake Hold) ตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาทางเลือกในการใช้รถที่มีสมรรถนะสูงขึ้น พร้อมเป็นรถคู่ใจในทุกเส้นทางของชีวิต โดยฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี 6 ใหม่ ราคา 1,519,000 บาท

 

สำหรับค่ายนี้ไม่ธรรมดา แม้จะมีแต่รถปิคอัพ แต่แฟนคลับเหนี่ยวแน่นมาก ISUZU X-SERIES HI-LANDER ปิกอัพสปอร์ตยกสูง เอกลักษณ์กระจังหน้าโทนเข้มตัดแดง Garnet Red สติกเกอร์ Dual Stripes คาดหน้า-หลัง พร้อมสเกิร์ตหน้า-หลังสไตล์ Integrated Aerodynamic Sport Bar เหนือกระบะท้าย ล้ออัลลอย 18” Gloss Black ห้องโดยสารโทนดำ-เทา ให้อารมณ์พรีเมียม ดุดัน  ใหม่! หน้าจอแสดงข้อมูล Integrated MID 7 นิ้ว โทนแดงให้อารมณ์สปอร์ตพรีเมียม พร้อมโลโก้ X ใหม่! หน้าจอ Infotainment 8 นิ้ว ระบบสัมผัส ดีไซน์สปอร์ตโทนแดง รองรับระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay (เฉพาะสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการใช้งาน) ใหม่! Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงปลายนิ้ว ขับสนุกเร้าใจ ใหม่! คอนโซลดีไซน์แบบ Iron Structure เพิ่มความเท่อย่างมีสไตล์ ใหม่! เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ด้วยเทคโนโลยี COOLMAX พร้อมโลโก้ X มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Rev Tronic และ Sequential Paddle Shift (เฉพาะรุ่น 4 ประตู) และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อม Genius Sport Shift ราคาเริ่มต้น 878,000 – 1,024,000 บาท

 

มาสด้ายังไม่ได้หนีไปไหน ยังคงมีสาวกความสปอร์ต ที่ยังเกาะติดแบรนด์นี้อยู่ New Mazda BT-50 มาพร้อมกับการปรับปรุงดีไซน์ภายนอกใหม่ เสริมดีไซน์แกร่งกับกระจังหน้าและ Signature Wing สีดำเงาในทุกรุ่นย่อย เพิ่มความสปอร์ตดุดันกับสีภายนอกใหม่ สีเทา ร็อก เกรย์ (Rock Gray) เสริมความแกร่งให้กับดีไซน์ภายนอกด้วยชุดแต่งพิเศษ Black Thunder สีดำเงา ประกอบด้วยชุดแต่งกันชนหน้า สปอร์ตบาร์ กระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ มือจับเปิดประตู และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย ดีไซน์ภายในแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์การออกแบบของมาสด้า ที่เน้นความเรียบง่าย เพิ่มความสปอร์ตด้วยห้องโดยสารภายดีไซน์ใหม่ เบาะหนังทูโทน สีน้ำตาล-ดำ ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน ผ่านการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ตกแต่งด้วยความประณีตและสัมผัสได้ถึงคุณภาพขั้นสูงของห้องโดยสาร อุปกรณ์มาตรฐานได้รับการอัพเกรดเพื่อเน้นตอบสนองความต้องการในการใช้งานและไลฟสไตล์ของทั้งคนขับและผู้โดยสาร

New Mazda BT-50 มาพร้อมเครื่องยนต์ใน มาสด้า BT-50 ใหม่ ยังคงมีให้เลือกถึง 2 ขนาด สามารถเลือกให้เหมาะสมกับการขับขี่ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ โดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองดีเยี่ยมในทุกรอบความเร็ว นอกจากนี้เครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด ยังสามารถรองรับน้ำมัน B20 และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม ด้วยมาตรฐานไอเสียเครื่องยนต์ใหม่ EURO5 พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้เลือกได้ตามความเหมาะสมของการขับขี่ ราคาเริ่มต้น 752,000 - 1,272,000 บาท

อะคาร์รวบรวมมาเป็นน้ำจุ้ม น้ำจิ้ม ให้ผู้บริโภคลองเข้าไปดู เข้าไปชมกัน ตามความพึงพอใจ