ตลาดรถยนต์ครึ่งแรกปี 65 โต 14.5%

คาดการณ์ตลาดรวมอยู่ที่ 880,000 คัน

 

มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2565 พร้อมคาดการณ์ตลาดรถยนต์ไทยปี 2565

มร.ยามาชิตะ กล่าวว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่อยู่ในภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ ที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลโดยตรงต่อยอดการผลิตและต้นทุนการผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมทั้งแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังปรับตัวสูงขึ้นและทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ล้วนส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์และการดำเนินมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภายในประเทศ  รวมถึงสัดส่วนของการฉีดวัคซีนที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตและดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้เกือบเป็นปกติ ล้วนเป็นส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศทยอยกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนมายังตลาดรถยนต์ด้วยเช่นกัน เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ที่ผ่านมา ตลอดจนแรงกระตุ้นจูงใจผู้บริโภคด้วยแคมเปญการขายเชิงรุกของบรรดาบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหลาย ล้วนมีส่วนผลักดันตลาดรถยนต์โดยรวมให้ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว" 

 

สำหรับผลการดำเนินงานของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 21.2% หรือ คิดเป็นจำนวน 142,032 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 33.2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่เราสามารถกลับมาดำเนินการผลิตและส่งมอบรถให้ลูกค้าได้มากขึ้นภายหลังจากที่ได้มีมาตรการผ่อนคลายการล็อคดาวน์ ตลอดจนความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของลูกค้ามีเพิ่มมากขึ้น และความสำเร็จจากการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อช่วงต้นปีในรุ่น Toyota Veloz ที่มียอดขายเฉลี่ยกว่า 1,000 คันต่อเดือน ทำให้โตโยต้าสามารถครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ได้ทั้ง ตลาดรถอีโคคาร์ และ ตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลาง

 

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2565 มร.ยามาชิตะคาดการณ์ว่า “จากมาตรการผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น และจะส่งผลบวกต่อทิศทางของตลาดรถยนต์ในปีนี้ ทำให้ความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะสามารถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2565 จะอยู่ที่ 880,000 คัน เพิ่มขึ้น  16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา"

 

มร.ยามาชิตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับโตโยต้า เรามีเป้าหมายการขายในปี 2565 อยู่ที่ 290,000 คัน เพิ่มขึ้น 21 % จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 33% โดยเราเชื่อมั่นว่าแผนการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงแนวทางในการทำกิจกรรมทางการตลาดและการบริการที่เราพยายามมุ่งเน้นให้สามารถเข้าถึงและใกล้ชิดกับลูกค้าโตโยต้าได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ จะมีส่วนช่วยให้เราได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากลูกค้าเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายของเราได้เป็นผลสำเร็จ"   

 

สำหรับปริมาณการส่งออกของโตโยต้าในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 บริษัทฯได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 179,730 คัน เพิ่มขึ้น 24.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา  โดยยอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 308,734 คัน เพิ่มขึ้น 19.5% จากปีที่แล้ว

ทั้งนี้สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 380,000 คัน เพิ่มขึ้น 29.8 % จากปีที่แล้ว จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2565 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยอยู่ที่ระดับ 659,400 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28.3 % จากปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2565

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 67,952 คัน เพิ่มขึ้น 4.6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,026 คัน ลดลง 5.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.9%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,146 คัน เพิ่มขึ้น 42.9% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 4,815 คัน เพิ่มขึ้น 22.1% ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 19,598 คัน ลดลง 13%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 5,884 คัน เพิ่มขึ้น 8.7% ส่วนแบ่งตลาด 30.0%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า  2,518 คัน ลดลง  60.8% ส่วนแบ่งตลาด 12.8%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,068 คัน ลดลง 34.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.6%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 48,354 คัน เพิ่มขึ้น 13.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 20,146 คัน เพิ่มขึ้น 42.9% ส่วนแบ่งตลาด 41.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 15,142 คัน ลดลง 10.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,756 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด  5.7%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 37,619 คัน เพิ่มขึ้น 13.4%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 18,640 คัน เพิ่มขึ้น 48.4% ส่วนแบ่งตลาด 49.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 12,629 คัน ลดลง 12.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.6%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,756 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด  7.3%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 4,186 คัน อีซูซุ 1,564 คัน - โตโยต้า 1,454 คัน – มิตซูบิชิ 671 คัน – ฟอร์ด 396 คัน – นิสสัน 101 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 33,433 คัน เพิ่มขึ้น 13.9%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 17,076 คัน เพิ่มขึ้น 49.5% ส่วนแบ่งตลาด 51.1%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 11,175 คัน ลดลง 12.0% ส่วนแบ่งตลาด 33.4%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,360 คัน เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

 

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม มิถุนายน 2565

1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 427,303 คัน เพิ่มขึ้น 14.5%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 142,032 คัน เพิ่มขึ้น 21.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%

อันดับที่ 2 อีซูซุ 109,889 คัน  เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า  40,161 คัน ลดลง 6.0% ส่วนแบ่งตลาด  9.4%

2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 135,900 คัน เพิ่มขึ้น 12.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า 38,894 คัน เพิ่มขึ้น 30.9% ส่วนแบ่งตลาด 28.6%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า  29,574 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 21.8%

อันดับที่ 3 มาสด้า 12,111 คัน เพิ่มขึ้น 11.2% ส่วนแบ่งตลาด  8.9%

3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 291,403 คัน เพิ่มขึ้น 15.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 109,889 คัน  เพิ่มขึ้น  18.0% ส่วนแบ่งตลาด 37.7%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 103,138 คัน เพิ่มขึ้น 17.9% ส่วนแบ่งตลาด 35.4%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,292 คัน เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนแบ่งตลาด  5.6%

4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 227,842 คัน เพิ่มขึ้น 15.7%

อันดับที่ 1 อีซูซุ 101,439 คัน  เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 89,232 คัน เพิ่มขึ้น 20.4%  ส่วนแบ่งตลาด 39.2%

อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 16,168 คัน เพิ่มขึ้น  13.7%  ส่วนแบ่งตลาด  7.1%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 29,586 คัน โตโยต้า 13,466 คัน – อีซูซุ 9,095 คัน – มิตซูบิชิ 4,154  คัน – ฟอร์ด 2,246 คัน –  นิสสัน 625 คัน

5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 198,256 คัน เพิ่มขึ้น 17.3%

อันดับที่ 1 อีซูซุ   92,344 คัน  เพิ่มขึ้น 22.1% ส่วนแบ่งตลาด 46.6%

อันดับที่ 2 โตโยต้า 75,766 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 38.2%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด 12,655 คัน ลดลง 8.0% ส่วนแบ่งตลาด  6.4%