บุรีรัมย์ทำถึง! GT World อีเวนต์ซูเปอร์คาร์ระดับลักชัวรี

ยิ่งใหญ่ครบรสสอดผสานวัฒนธรรมอีสานใต้-พนมรุ้ง

สู่สายตาแฟนความเร็วทั่วโลก

 

ผ่านไปแล้วกับสุดสัปดาห์แห่งมอเตอร์สปอร์ตระดับลักชัวรี GT World Challenge Asia 2024 การแข่งขัน 4 ล้อรายการใหญ่แห่งปีที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นำศึกซูเปอร์คาร์หรูที่หาดูได้ยาก มาให้แฟนความเร็วชาวไทยได้ชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด ฤดูกาลที่ผ่านมามียอดผู้เข้าชมกว่า 23 ล้านวิว ยอดเข้าถึงทุกแฟลตฟอร์ม 83 ล้านครั้ง โดยการแข่งขันในสนามประเทศไทยปีนี้ ได้มีการโชว์ศิลปวัฒนธรรมอีสานใต้ ผ่านชุดการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน “อัปสรานิรมิต” นำเสนอความงามของนางอัปสรา ภาพจำหลักในปราสาทหินพนมรุ้ง จากนักศึกษา สาขานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ อย่างงดงามยิ่งใหญ่ ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก

  

 

GT World Challenge Asia นับเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันรถซูเปอร์คาร์ที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในทวีปเอเชีย ถือเป็นหนึ่งในซีรีส์การแข่งขันระดับโลก แข่งขันใน 4 ทวีปตลอดทั้งปี ได้แก่ อเมริกา, ยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชีย โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันในทวีปเอชีย จากทั้งสิ้น 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย,ไทย, ญี่ปุ่น และจีน

ทั้งนี้ การจัดการแข่งขัน รายการ “ จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย ฤดูกาล 2024”  ถือเป็นงานแข่งรถยนต์ซูเปอร์คาร์ในระดับ International series ที่ใหญ่ที่สุดของสนามช้างฯ ในปี 2024  เป็นการดวลกันของกองทัพรถ GT3 รถแข่งที่ดีที่สุดในโลก ที่ลงชิงเจ้าความเร็วตลอดฤดูกาล รวมทั้งสิ้น 33 คัน 24 ทีมแข่ง จาก 8 ค่ายผู้ผลิต เรียกว่ามากที่สุดที่เคยมีมา พร้อมนักแข่งยอดฝีมือจากนานาชาติกว่า 60 คน

  

 

 

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า รายการ  “จีที เวิลด์ ชาลเลนจ์ เอเชีย 2024” สนามประเทศไทย ระหว่างวันที่ 10-12 พ.ค. เรียกว่าสมกับการรอคอยของแฟนมอเตอร์สปอร์ต ได้รับเสียงชื่นชม ทั้งการจัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่ ได้ชมพิตวอล์คพันล้าน รถแข่งสุดหรูตัวแรงของโลก มูลค่ารถและการทำทีมที่สูงมาก ได้กระทบไหล่กับนักแข่งระดับชั้นนำของโลก รวมทั้งความประทับใจในช่วง Grid Walk สร้างความตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้านในชุด “อัปสรานิรมิต” จากนักศึกษา สาขานาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สะท้อนความงดงามของศิลปวัฒธรรมอีสานใต้ นำเสนอความงดงามของ “นางอัปสรา” ซึ่งเป็นภาพจำหลักในปราสาทหินพนมรุ้ง อารยธรรมขอม แห่งดินแดนอีสานใต้ จ.บุรีรัมย์ เชื่อกันว่า นางอัปสราเป็นนางฟ้าที่กำเนิดมาจากสายน้ำ การแสดงเล่าเรื่องราว รวมถึงขบวนของนางอัปสรา พร้อมบรรดาทวยเทพ ที่สื่อท่าทางแห่งความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นสู่ชัยชนะของการแข่งขัน

 

 

 

การแข่งขันสนามนี้ ขับเคี่ยวกันอย่างสุดมัน ประชันความเร็วแบบดุเดือด ตลอดระยะเวลา 3 วัน โดยในเรซที่ 1 ชัยชนะเป็นของ “มาร์คุส วิลเคนฮอค” อดีตนักแข่งฟอร์มูล่าวันชาวเยอรมัน และ “หวง รั่ว หาน” นักแข่งจีน ที่ขับรถแข่ง อาวดี้ อาร์8 แอลเอ็มเอส จีที3 อีโวทู หมายเลข 40 จาก อาวดี้ สปอร์ต เอเชีย ทีม แอบโซลูท คว้าแชมป์เรซที่ 1

ส่วนเรซที่ 2 แชมป์ตกเป็นของ “หวี เว่ย” นักแข่งจีนและทีมเมทชาวฝรั่งเศสอย่าง “แพทริค ปิเลต์” ที่ขับรถปอร์เช่ 911 จีที3อาร์ (992) หมายเลข 4 จาก ออริจิน มอเตอร์สปอร์ต ที่แซงทางโค้งเข้าเส้นชัยในโค้งสุดท้าย

ด้านนักแข่งไทย "ท็อป" ธนาตย์ เสถียรถิระกุล เจ้าของรถแข่ง ปอร์เช่ 911 จีที3อาร์ (992) หมายเลข 911 ที่ จับคู่กับทีมเมทชาวศรีลังกาอย่าง “อีชาน เพียริส” ในเรซที่ 1 ได้อันดับที่ 6 ส่วน เรซที่ 2 ได้อันดับ 6 โอเวอร์ออลเช่นกัน แต่สามารถคว้าแชมป์ในคลาสซิลเวอร์ไปครอง ได้แชมป์โฮมเรซ เป็นของขวัญให้กับแฟนความเร็วชาวไทยที่เข้ามาเชียร์ที่สนามและรับชมผ่านช่องทางต่าง ๆ

ขณะที่ "เต๊อะ" วุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ นักแข่งมากประสบการณ์ชาวไทย หมายเลข 93 จาก เอเอเอส แฟนธอม โกลบอล เรซซิ่ง จับคู่กับ “บาสเตียน บุส” ทีมเมทชาวเดนมาร์ก ในเรซที่ 1 ได้อันดับที่ 15 ส่วนเรซที่ 2 ได้อันดับ 7 โอเวอร์ออล , อันดับ 4 ของคลาสโปรแอม

 

 

เกมการแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากจะครบรสชาติ สร้างความประทับใจให้แฟนทั่วโลก  ยังเป็นการปักธงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ชูศักยภาพในการจัดอีเวนต์ซูเปอร์คาร์ระดับลักชัวรีของประเทศไทย ทั้งยังผลักดัน-สร้างนักกีฬาไทยสู่กีฬาอาชีพชั้นนำบนเส้นทางมอเตอร์สปอร์ตนานาชาติอย่างแท้จริง รวมทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ให้เดินทางมายังจังหวัดบุรีรัมย์ในช่วงสัปดาห์แข่งขัน เป็นโอกาสที่ดีในการปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงกีฬา พร้อมประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศไทย และจังหวัดบุรีรัมย์ไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวไทยให้ต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองนโยบายให้กีฬาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป