GWM HAVAL H6 Big Minorchange! 2025

ปรับลุค ครั้งใหญ่ ใน 3 รุ่นย่อย

ทั้ง  Hybrid  และ PHEV Plug-in Hybrid

 

ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย

 

GWM ถือเป็นอีกแบรนด์รถยนต์สัญชาติจีนที่เน้นในเรื่องการพัฒนาการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ที่มาของ GWM ชื่อเต็ม คือ Great Wall Motor ที่มาของชื่อก็มาจากกำแพงเมืองจีนที่มีความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งและทนทาน บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2527 แล้วก็มีที่มาที่น่าสนใจจากการเป็นผู้ผลิตรถ SUV สมรรถนะสูงของจีน

ในปัจจุบัน Great Wall Motor ในประเทศไทยมีการผลิตและทำการตลาดในรถบางรุ่นโดยเน้นไปที่รถ SUV และรถไฟฟ้าซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 2 แบรนด์คือ แบรนด์แรก ชื่อ ORA  เป็นรถไฟฟ้า 100% ก็คือ ORA Good Cat รวมไปถึง Tank 300 รถอเนกประสงค์ SUV ขนาด Compact สไตล์เรโทร และTank  500 ในแบบ ออฟโรดพรีเมี่ยม

รวมไปถึงแบรนด์ Haval ซึ่ง เป็นแบรนด์รถในประเภท SUV Hybrid ที่เน้นเอาเทคโนโลยีอัจฉริยะต่าง ๆ มาใส่ไว้ในรถเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยแบรนด์ Haval เองก็มีรถ 2 โมเดลรุ่นย่อย ก็คือ HAVAL JOLION ที่เป็นรถในรูปแบบของ SUV น้องเล็ก ในแบบไฮบริด และ Haval H 6 ในพิกัด C-SUV ทั้งในรูปแบบของไฮบริด  และ PHEV Plug-in Hybrid ที่เน้นความเอนกประสงค์ ในการใช้งานและการท่องเที่ยวไกลได้ในวันหยุด

 

 

3 รุ่นย่อย HEV PRO , PHEV PRO และรุ่นท็อป PHEV ULTRA !

การปรับลุค ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2  ของ Haval รุ่นย่อย มีทั้งหมด 3 รุ่น ครับ คือ HAVAL H6 HEV PRO ในแบบ Hybrid และ HAVAL H6 PHEV PRO กับรุ่นท็อป HAVAL H6 PHEV ULTRA ในแบบ Plug-in Hybrid

ซึ่งความเปลี่ยนแปลงดีไซน์ภายนอกของ Haval H6 Minorchange มีทั้ง การเปลี่ยนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมฟอนต์ HAVAL แบบตั้งตรง กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟหรี่แบบ Waterfall Light  ชุดไฟหน้าเป็นแบบ Smoke Black กรอบกระจกหน้าต่างเป็นสีดำเงา ฝาท้ายเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า  เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 ตำแหน่ง เปลี่ยนล้ออัลลอยรุ่น HEV PRO และ PHEV PRO เป็นสีดำ ส่วนล้ออัลลอยรุ่น PHEV ULTRA เป็นลายใหม่ สีดำเปลี่ยนชุดไฟท้ายเป็นแบบ Smoke Black และเปลี่ยนโลโก้ท้ายรถเป็นอักษร G W M แทนอักษร Haval แบบเดิม  โดยมีสีตัวถังภายนอก ให้เลือก 3 สี  คือ สีขาว สีเงิน และสีดำ

 

 

ห้องโดยสารยกดีไซน์ใหม่หลายจุด และ เปลี่ยนเกียร์ เป็นแบบเกียร์คอ

ภายในห้องโดยสาร เปลี่ยนการตกแต่งภายในเป็นโทนสีดำล้วน เพื่อความสะดวกในการใช้งานและดูรักษา และเปลี่ยนแผงคอนโซลหน้าและแผงคอนโซลกลาง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ PVC สีดำ โดยเบาะนั่งคนขับ พร้อมระบบระบายอากาศ Ventilation Seats ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง  พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า 2 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลัง พับได้ 60:40

 

 

 

เปลี่ยนพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ให้กริบพวงมาลัยใหญ่ขึ้น พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น – ลง และเข้า – ออก และเปลี่ยนเกียร์จากแบบหมุนมือที่แผงคอนโซลกลาง เปลี่ยนมาใช้เป็น คันเกียร์ไฟฟ้า Shift-by-Wire เป็นแบบ Stalk-shifter (เกียร์คอ) และมีการเปลี่ยนหน้าจอกลางใหม่ ขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ เวอร์ชั่น 3.0 พร้อมชิฟเซทใหม่ ที่ใช้งานได้ ลื่นติดมือ มีเมนูลักใช้งานง่ายมากขึ้น และยังสามารถตั้ง คียลัดที่พวงมาลัย ให้รถตอบสนองได้ตามที่เราต้องการ ส่วนชุดเครื่องเสียง ปรับปรุงชุดลำโพงใหม่ครับ โดย Amor Tunning เป็นลำโพง 8 ตำแหน่ง สำหรับรุ่น HEV / PHEV PRO และลำโพง 9 ตำแหน่ง  สำหรับรุ่น PHEV ULTRA

 

 

ปรับกำลังไฟแท่นชาร์จ Wireless Charger เป็น 50W เปลี่ยนช่องชาร์จและเชื่อมต่อด้านหน้าเป็น USB-A 1 ตำแหน่ง และ USB-C 1 ตำแหน่ง  ช่องชาร์จด้านหลังเป็น USB-C 2 ตำแหน่ง ระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ระบบนำทาง Online Navigation (Petal Map) กล้องมองภาพรอบ 540 องศา  ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร Ambient Light และ เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone

 

 

รุ่น HEV PRO ช่วงล่าง เปลี่ยนโช๊คอัพและสปริงใหม่

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ใน HAVAL H6  รุ่น HEV PRO เป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 75 x 84.9 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าปรับจูนให้แรงขึ้นกว่า Haval H6 HEV มีพละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 243 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion (NMC ) ความจุ 1.77 kWh โดยในรุ่น HEV ช่วงล่าง มีการ เปลี่ยนโช๊คอัพและสปริง ให้เฟิร์มกระชับขึ้น อีกด้วยครับ

 

 

รุ่น  PHEV เปลี่ยนสเปคแบตเตอรี่ เป็นแบบ Lithium-ion (LFP)

ส่วน เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ใน  HAVAL H6 รุ่น PHEV ทั้งใน PHEV PRO และรุ่น PHEV ULTRA เป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก : 75 x 84.9 มิลลิเมตร ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงแบบ Direct Injection พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าปรับจูนให้แรงขึ้นกว่า HAVAL H6 HEV มีพละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 326 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission)

สิ่งที่มีการเปลี่ยนในรุ่น PHEV คือ แบตเตอรี่ครับ เปลี่ยนจากแบตเตอรี่ High-voltage มาเป็นแบบ Lithium-ion LFP 27.4 kWh (เดิมเป็น NMC 34 kWh) โดยตัวเลขสมรรถนะเคลมจากโรงงาน  ระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้าสูงสุดทำได้ 150 กิโลเมตร* (จากเดิม 201 กิโลเมตร) ปรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 41 kW (เดิม 48 kW) พร้อมระบบจ่ายไฟสู่ภายนอก V2L สูงสุด 3.3kW *มาตรฐานการทดสอบ NEDC

ระยะเวลาชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC จาก 0 – 100% ภายใน 6 ชั่วโมง  ส่วนระยะเวลาชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC จาก 0 – 80% ภายใน 35 นาที โดยทั้งในรุ่น HEV และ PHEV จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 รูปแบบ คือ ประหยัด ECO มาตรฐาน NORMAL สปอร์ต SPORT และ พื้นลื่น SNOW และ มีโหมดการหน่วงกู้คืนพลังงาน ที่มีให้เลือก 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง สูง

ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือการขับขี่

- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง

- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า

- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง

- ม่านถุงลมนิรภัย

- ไฟกระพริบฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน ESS

- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ESP

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS

- ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC

- ระบบช่วยออกตัวบนทางชันและลงทางลาดชัน HSA / HDC

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน IACC

- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW

- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA

- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน LCK

- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก AEBI

- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า FCW

- ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ DAA

- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้านหลังที่ความเร็วตำ ESEB-Rear

- ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรกขณะเหยียบคันเร่งผิดพลาด BOS

- ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง TPMS

- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX

  

 

สรุปความแตกต่าง HAVAL H6 HEV PRO และ PHEV ULTRA

นอกจาก เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ใน3 รุ่นย่อย ทั้ง Hybrid  และ PHEV Plug-in Hybrid แล้ว ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในรถทั้ง 2 รุ่นแทบจะเหมือนกันทั้งหมด แต่ก็จะมีจุดที่มีความแตกต่างกันเล็กน้อยก็คือ ช่องชาร์จไฟบริเวณด้านหลังขวาของตัวรถในรุ่น PHEV (รุ่น HEV จะไม่มีช่องชาร์จไฟ) รวมถึงป้ายสัญลักษณ์ HEV และ PHEV ที่ติดอยู่บริเวณฝาท้ายของรถ HAVAL H6 ทั้งสองรุ่น

โดยเฉพาะใน HAVAL H6 PHEV ULTRA จะมีอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มขึ้นจากรุ่น PRO คือ หลังคากระจก Panoramic Sunroof ฟังก์เปิด – ปิดฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ Hand-free Tailgate  คาลิเปอร์เบรกสีแดง เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 6 ตำแหน่ง เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 6 ตำแหน่ง ระบบแสดงผลบนกระจกบังลมหน้า Head-up Display กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ  แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สา ย Wireless Charger กำลังไฟ 50W ลำโพง Sub Woofer 1 ตำแหน่ง และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Aull Auto Parking ครับ

HAVAL H6 รุ่นย่อย 3 รุ่น

HAVAL H6 HEV PRO

HAVAL H6 PHEV PRO

HAVAL H6 PHEV ULTRA

*เตรียมประกาศราคาอย่างเป็นทางการ วันที่ 24 มีนาคม 2025 นี้

 

 

  

 

คุยหลังขับ กับ กันต์ เย็นสบาย

GWM HAVAL H6 กับ Big Minorchnage ที่ปรับใหม่ ครั้งใหญ่ มาครบทั้ง HEV Hybrid / PHEV Plug-in Hybrid ภายนอกได้กระจังหน้าใหม่ เพิ่มไฟชุดเขี้ยวเข้ามา ด้านหลังไฟท้าย ปรับเป็นรมดำ ล้ออัลลอย ขนาด 19 นิ้ว ที่ดูสปอร์ตมากขึ้นด้วยโทนสีดำตอบ สไตล์ที่แตกต่าง  และภายในดูทันสมัยขึ้นวาง layout โซนใหม่ก้านเกียร์ใหม่ มี Wireless charger ในทุกรุ่นย่อย

 

  

 

การได้ลองขับ Haval H6 ในรุ่น HEV PRO เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร พ่วง Turbocharged ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ปรับจูนให้แรงขึ้น บนเส้นทางการทดสอบแบบ One Day Trip จาก  GWM ย่านลาดกระบังไป พัทยา จ.ชลบุรี ก่อนกลับมาส่งรถคืน ผมลองปรับโหมดการขับขี่ ที่มีให้เลือก 4 รูปแบบ และเลือกโหมดสปอร์ต และปรับโหมดการหน่วงกู้คืนพลังงาน ไว้ที่ระดับ ต่ำ เพื่อไม่ให้มีอาการหน่วงของรถที่มากเกินไปแบบในรถไฟฟ้า รถขับได้คล่องตัวและขับได้สนุกใช้ได้เลยครับ แม้รถจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่อัตราเร่ง การเรียกความเร็ว การเร่งแซง ก็ทำได้ทันใจ ไม่มีอาการรอรอบให้เห็น จาก สุวรรณภูมิ แล้วตีเข้า มอเตอร์เวย์ถนนปราบเซียน วิ่งยาว ๆ มาออกแหลมฉบัง ที่ถนนเหมือนจะเรียบ แต่ก็มีคอสะพานชัน ๆ หลายจุด แต่ช่วงล่าง ที่มีการ เปลี่ยนโช๊คอัพและสปริงใหม่ ก็ ให้ความรู้สึกเฟิร์มกระชับ และคุมรถได้มั่นใจขึ้น  อีกด้วยครับ

ฟังค์ชั่น ความน่าสนใจใน HAVAL H6 ในรุ่น HEV PRO คือการเลือกใช้ระบบนำทาง ที่ให้ข้อมูล รายละเอียดแผนที่ได้แบบ 3D  Online Navigation (Petal Map) การใช้งาน แต่ส่วนตัวผมถูกใจ กับระบบเครื่องเสียงที่ Premium ขึ้นมากกว่าครับ ฟังเดินทางได้สบาย ๆ ในวันทดสอบที่เจอฝนเกือบตลอดวัน

 

 

 

 

สำหรับผม ชอบครับ ทั้งดีไซน์ ฟังค์ชั่น ในรถ ภาพรวมการขับขี่ ทั้งความคม และน้ำหนักพวงมาลัย เกียร์ น้ำหนักแป้นเบรก  การตอบสนองของช่วงล่าง และทัศนวิสัย ในรุ่นเริ่มต้น แบบ Hybrid  และแถมอีกเรื่องที่ เห็นด้วย กับการปรับเปลี่ยน คือ โลโก้ด้านหลังรถที่เปลี่ยนจาก HAVAL มาเป็น GWM  ก็ช่วยในเรื่องของการสื่อสาร ในแบรนด์หลัก กับลูกค้า ให้มีความชัดเจน มากยิ่งขึ้น สำหรับการทำตลาด รถอเนกประสงค์ หรือ SUV ของทาง GWM ในอนาคตได้

ส่วนในครั้งนี้ ได้แต่เห็นแต่ยังไม่ได้ลองขับ ในโมเดลรุ่นแบบ plug-in Hybrid 2 รุ่น ย่อย ทั้งรุ่นโปร และอัลตร้า ที่มีการปรับแบตใหม่ ลดขนาดแบตเตอร์รี่ แต่ส่วนตัวก็ยังมองว่าโดยรวม H6 ในแบบ PHEV 2025 ก็ยังน่าสนใจ สำหรับใคร ที่ต้องการรถไฮบริดสักคันทีขับไฟฟ้าระยะเคลม 150 ก.ม.

สุดท้าย ท้ายสุด สิ่งเดียวที่เหลือคือ ราคาอย่างเป็นทางการ ของ HAVAL H6 เวอร์ชั่นไทย ทั้ง 2 ขุมพลัง เป็นการบ้านหนัก ของ GWM  ต้องสมเหตุ สมผล และไม่แพงจนเกินไป โดยเฉพาะในโมเดลรุ่นแบบ plug-in Hybrid  เพราะคู่แข่ง คู่เทียบ สำหรับรถกลุ่มนี้ นับว่าหินและโหด สำหรับ GWM ครับ ทั้งในกลุ่มที่ราคาต่ำกว่าล้าน อย่าง  BYD Sealion6 DM-i / Jaecoo7 SHS PHEV  หรือแม้กระทั้ง รถรุ่นยอดนิยมในกลุ่มนี้ ของทางฝั่ง Honda อย่าง CR-V