อีซูซุจัดทริปสัมผัสไอหนาวแบบฟินเฟอร์
ตะลุยจีน-เวียดนาม
พิสูจน์ขุมพลังใหม่! 2.2 Ddi MAXFORCE
ทดลองขับโดย : ภัชรี เอกฉัตร์
เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดทริปพิเศษให้สื่อมวลชน และผู้ทรงอิทธิพลสายยานยนต์ หลายสำนัก ไปร่วมคาราวานท่องเที่ยวเส้นทางจีน-เวียดนาม ได้ขับอีซูซุ เครื่องยนต์ใหม่ 2.2 ดีดีไอ แม็กซ์ฟอร์ซ The Force of Future พลังใหม่...กำหนดโลก! กันที่ประเทศเวียดนาม กับระยะทางในการขับขี่ราว ๆ 300 กว่ากิโลเมตร
หลังจากอีซูซุได้พัฒนาเทคโนโลยี เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.2 ลิตร ที่ให้ความแรงมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันได้ความประหยัดมากขึ้นด้วยเช่นกัน และที่สำคัญมีค่า CO2 ต่ำที่สุด เทียบจากรถยนต์ในระดับเดียวกัน ทั้งยังรองรับเทคโนโลยีและพลังงานที่หลากหลาย ซึ่งอีซูซุได้พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตร 2.2 Ddi Maxforce แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ให้พลังแรงเพิ่มขึ้น สุดถึง 163 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตัน-เมตรที่ 1,600 – 2,400 รอบ/นาที
สำหรับกิจกรรมคาราวานท่องเที่ยวเส้นทางจีน-เวียดนาม ในทริปนี้ มี 2 ทริปด้วยกัน ทริป 1 เดินทางจากเวียดนามมาจีน ส่วนทริป 2 เดือนทางจีนมาเวียดนาม ในส่วนของ A Car News ได้ทริป 2 โดยบินจากกรุงเทพฯ ไปจีนลงที่หนานหนิง คืนแรกนอนในเมือง ปล่อยในสมาชิก ซิตี้ ทัวร์ ช็อปปิ้ง เดินเล่นชมเมืองแบบชิล ๆ เพราะวันที่ 2 เราจะไปชิลชมธรรมชาติ น้ำตกเต๋อเทียน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างชายแดนของ 2 ประเทศ จีนและเวียดนาม เป็นน้ำตกชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย อยู่ห่างจากตัวเมืองหนานหนิง เมืองเอกของกว่างซีจ้วง ประมาณ 145 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมืองกาวบั่ง ของเวียดนาม ประมาณ 80 กิโลเมตร น้ำตกแห่งนี้เกิดจากความต่างระดับของแม่น้ำ มีความกว้างประมาณ 200 เมตร สูงประมาณ 30-70 เมตร มองจากด้านบนน้ำตกจากฝั่งเวียดนาม จะมีเพียงชั้นเดียว น้ำตกจะไหลลงมาเป็นสายยาว หากมองจากจีนน้ำตกจะเป็น 3 ชั้น ไหลลดหลั่นลงมาอย่างยิ่งใหญ่ อลังการ นอกจากนี้สีของน้ำตกยังเป็นสีเขียวมรกตใส งดงาม ด้วยความเป็นธรรมชาติ ป่าเขาอุดมสมบูรณ์
สมาชิกคาราวานตื่นเต้น ตื่นตา ตื่นใจ กับน้ำตกเต๋อเทียนมาก ช่วงเวลาที่เราไปถึงน้ำตก โดยประมาณคือ สิบโมงกว่า ๆ หลังจากผ่านช่องเก็บตั๋วเราก็ต้องนั่งรถบัสเข้าไปด่านในอีก โดยประมาณ 10 นาที พอถึงน้ำตก คณะของเราแอบเสร้าใจเล็กน้อย ด้วยปริมาณน้ำ ที่ดูน้อย หลายคนบ่น ทำไมมาเที่ยวน้ำตก ช่วงนี้ ระหว่างเดิน ไต่บันได เล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นไปเป็นระยะ ๆ ชมป่ารอบ ๆ น้ำตก จนถึงจุดลงเรือไม้ไผ่ น้ำตกที่มีน้ำน้อย ๆ ก็มีปริมาณน้ำเยอะ ไหลเป็นสาย กระจายเต็มพื้นน้ำ งดงาม จนลืมภาพแรกที่เราเห็นทันที ทราบจากไกด์ว่า ที่นี่เขามีการกักน้ำ เพื่อปล่อยให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตา ตื่นใจกับความงาม โดยเฉพาะช่วงที่เราลงแพไม้ไผ่ แล้วล่องไปใกล้ ๆ น้ำตกมันสวย อะเมซิ่งจริง ๆ สมกับเป็นเมืองจีน ทำอะไร ได้เกินความคาดหมายเสมอ
หลังเพลิดเพลินกับความงดงามของน้ำตก และเติมพลังใส่ท้องกันเรียบร้อย เราก็ไปต่อกับที่พักสุดอลังการ งดงาม เกินคำบรรยาย ที่ LUX Chongzuo Guangxi Resort Villas แทรกตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เหมือนภาพวาดในทุกมุมของของที่พักแห่งนี้ เราพักกันท่ามกลางหุบเขาหินปูน และเวิ้งน้ำ ประทับใจอย่างแรง กับที่พักระดับลักชู เช่นนี้ ต้องกราบแนบอกตรีเพชรอีซูซุเซลส์จริง ๆ
เช้านี้กับวันที่ 3 สมาชิกในทริป 2 จะได้พบกับน้อง Maxforce ที่ชายแดนเวียดนาม วันนี้คณะของเราตื่นสาย ๆ พอได้เก็บความประทับใจกับที่พัก ก่อนเคลื่อนขบวนต่อไปยังชายแดนจีน โหย่วยี เพื่อทำเรื่องผ่านแดน จาก ตม. จีน สู่ ตม.เวียดนาม วันที่คณะเราข้ามแดน ปริมาณคนถือว่าพอสมควร และสมาชิกของเราก็คนเยอะด้วย ทำให้ใช้เวลาระหว่างนี้กว่า 2 ชั่วโมง ข้ามแดนมาเวียดนาม เราได้เวลาคืน 1 ชั่วโมง เพราะเวลาที่นี่เท่ากับเวลาในประเทศไทย ^^ พอครบทีม เราก็ได้เจอกับขบวน อีซูซุ ดีแมคซ์ และอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ประมาณ 10 คัน รอรับสมาชิกที่หิวกระหาย จากชายแดนมิตรภาพจีน-เวียดนาม มายังลังซอน ประมาณ 17 กิโลเมตร เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารโรงแรม Muong Than Hotel Lang Son เติมพลังงานก่อน เดินทางต่ออีก 170 กิโลเมตร เพื่อเข้าไปยังฮาลอง การจราจรที่นี่ ค่อนข้างมีอุปสรรคนิดนึง เนื่องจากมีการก่อสร้างทางตลอด ถนนก็เป็น 2 เลนสวน รถยนต์ รถบรรทุก รถมอเตอร์ไซค์ วุ่นวาย การทำเวลาได้ไม่มากนัก อีกทั้งมีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็ว ในเมืองวิ่งไม่เกิน 80 กม./ชม. นอกเมืองไม่เกิน 90 กม./ชม. และกฎหมายจราจรที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้นผู้นำต้องบอกในวิทยุสื่อสารเป็นระยะ ๆ ถึงการใช้ความเร็ว รวมถึงการขับชิดขวา จะแตกต่างจากเมืองไทย
ทำให้ผู้ร่วมทริปทั้งขบวน ร่วมทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ใน 1 คันรถ ต้องพยายามร่วมแรง ร่วมใจ ช่วยกันดูตลอดเส้นทาง บอกระยะ บอกทัศนวิสัยในการขับขี่ตลอด 170 กม. กว่าจะถึงฮาลอง อีกทั้งบรรยากาศ คน รถ หมา ไก่ และก็ยังมีควัน ที่ไม่ลอยไปลอยมา เป็นระยะ ๆ เช่นกัน ด้วยความที่เมืองนี้ติดประเทศจีน การเติบโตของเมือง ทำให้มีความจ็อกแจ็ค จอแจ หรือจะเรียกว่ามีความวุ่นวายตลอดการเดินทาง แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของสมาชิก เพราะหลายท่านผ่านอุปสรรค นานาประการมากันอย่างโชกโชน จะบอกว่านอกจากคนขับดีแล้ว พาหนะคู่ใจ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คณะของเราผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ
ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ที่มาพร้อมแรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้นกว่า 50% หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa. มาพร้อม ECM แบบ Multi Core ประสิทธิภาพสูง แล้วไหนจะ E-Vas Turbo แปรผันควบคุมการทำงานด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และระบบส่งกำลังใหม่ เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ REV Tronic อัตราทดกว้าง ต่อเนื่องในทุกย่านความเร็ว ทำให้สมาชิกดูดท้าย เกาะติดแบบปลอดภัย หายห่วง ไม่ได้โม้ แต่เดี้ยนได้ทดลองกับตัวเองเช่นกัน
และแล้ว คณะของเราก็มาร้านอาหาร บุฟเฟต์นานาชาติ ณ ภัตตาคาร Sen Ha Thanh ได้รับประทานอาหารเย็นกันเต็มพุงอีกระลอก วันนี้เรานอกันที Yatch Hotel พรุ่งนี้ก่อนกลับเราจะได้ไปชมความงามของฮาลองเบย์ หลังจากห่างหายจากเวียดนามไปหลายเพลา เนื่องจากโควิด พรุ่งนี้เดี้ยนจะได้ดื่มดำกับความสวยของฮาลองอีกครั้งแล้ว
เช้าสุดท้ายที่เวียดนาม เราได้นั่งรถกอล์ฟไปยังท่าเรืออ่าวฮาลอง ที่นี่มีการก่อสร้างเยอะแยะมากมาย จนดูเหมือนจะเกินความต้องการ หลายตึกเหมือนจะก่อสร้างค้าง ๆ คา อาจะเกิดจากโควิด ทำให้หลายอย่างต้องพักไป แต่ก็มีความเจริญมากมายให้เห็น อ่าวฮาลองในวันนี้ไม่เหมือนในอดีต เรือไม้แบบเดิม ไม่มีให้เห็น มีแต่เรือลำใหญ่ เรือเฟอร์รี่ จุนักท่องเที่ยวได้มากขึ้นในแต่ละลำ นั่งสบายขึ้น แต่ความคลาสสิกแบบเดิมหายไป ใครที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน อาจถวินหา บรรยากาศเดิม แต่ไม่มีแล้วจ้า สิ่งที่เหมือนเดิมคือธรรมชาติ ภูเขา ทะเล ยังคงสวย ใส ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้อยู่ล่ะ ถ้ำก็ยังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมความสะดวกสบายและเป็นระเบียบเรียบร้อยมากขึ้น
เราใช้เวลาทิ้งร่างชมความงามกันครึ่งวัน พร้อมกลับไปกินกลางวันที่โรงแรม และเดินทางต่อเพื่อเข้าไปยังฮานอย กับระยะทาง 175 กิโลเมตร วันนี้ดิฉันได้เป็นผู้โดยสารตอนหลัง พักสายตาได้อีกสัก 70-80 กม. ทางเข้าระหว่างเมืองค่อนข้างสบาย เพราะใช้ทางด่วน พอจะทำความเร็วได้บ้าง ไม่อึดอัดซะทีเดียว จะมีแค่ 30-40 กิโลเมตรท้าย ๆ ที่เราจะเข้าไปที่สนามบินเท่านั้น ที่เราจะได้เจอกับปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นไม้สุดท้ายที่ดิฉันได้นั่งหลังพวงมาลัย อย่างที่บอกความใหม่ของเครื่องยนต์ ประทับใจช่วยให้การขับขี่ ไปได้อย่างที่ใจปรารถนา ใจไม่ไปก่อนรถ ไปพร้อม ๆ กันได้สบาย ประหนึ่งประกอบร่าง เกียร์ใหม่ก็เดิร์น ตอบโจทย์การขับขี่ได้ดีจริง ๆ ไม่อวยกันเอง แต่บอกได้ว่าเขาปรับมาได้ดีขึ้น ไม่ต้องเชื่อ ไปลองกันเอง จะได้รู้ว่า A Car เขาพูดแต่ความจริง 555 ตลอดระยะทาง 90 กิโลเมตร รถดิฉันนั้นมีเสียงพากย์บอกการจราจรตลอดเส้นทาง บอกซ้าย บอกขวา บอกหน้า บอกหลัง มีทั้งคนกำกับเส้น และกรรมการกำกับเวลา เรียกว่าไม่ต้องกลัวจะโดนใบแดง อย่างมากก็แค่ใบเหลือง จ้ากก ไม่มี ๆ สบาย สะดวกโยธินถึงที่หมาย สนามบินฮานอย ตามกำหนดเวลา แถมมีเวลาเติมอาหารลงท้องกันอีกระลอก ก่อนไปนอนพึ่งพุงบนเครื่อง คาราวานท่องเที่ยวกับอีซูซุ ไม่ได้โหดนักกับการขับรถ ให้ขับ ให้ได้ลอง ให้ได้รู้ ให้ได้บันเทิงเริงใจบ้าง ซึ่งถูกโฉลกกับแม่มาก ปิดทริปเครื่องยนต์ใหม่ เกียร์ใหม่ โดนใจแม่มว๊ากกก