ขับ Kia Carnival SXL Luxury

โอปป้า MPV 7 ที่นั่ง หรู ประหยัด จัดว่าคุ้ม!

ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย

Kia Carnival ในโฉมปัจจุบันนี้ ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 4 ครับ หลังถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา โดยมีให้เลือกเฉพาะรุ่น 11 ที่นั่งเท่านั้น ก่อนจะเพิ่มทางเลือกด้วยรุ่น SXL Luxury 7 ที่นั่ง งานออกแบบจะมากับตัวถังที่ใหญ่ มาพร้อมพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวาง  ตอบโจทย์การใช้งาน ในหลากหลายสถานะ ทั้งเป็นรถประจำตำแหน่งผู้บริหาร หรือจะเป็นรถครอบครัวก็ไม่ติด ด้วยขุมพลังดีเซล 2.2 ลิตร แรง ประหยัดโดยไม่ต้องพึ่งระบบไฮบริด ไม่น่าเชื่อครับ...

รุ่น SXL Luxury ท็อปสุด ของ Kia Carnival  โฉมปัจจุบัน

สำหรับด้านหน้าของรถโดดเด่นด้วยดีไซน์ ‘Tiger-nose’ พาดตลอดแนวความกว้างของตัวรถ มากับไฟหน้า Projector Lens แบบ Dual LED ที่ประกอบไปด้วยชุดโคมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (DRL) แบบ LED และกระจังหน้า ในส่วนของไฟหน้า มากับระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ รวมทั้งยังมาพร้อมกับไฟส่องสว่างมุมข้าง Escort Headlamp

ด้านข้างตัวรถ ติดตั้งประตูสไลด์ไฟฟ้า Smart Power Sliding Door ทั้ง 2 ฝั่ง *ประตูด้านหลังทั้ง 3 บาน (ประตูสไลด์ซ้าย-ขวา และประตูท้าย) สามารถควบคุมได้จากทั้งรีโมต และปุ่มควบคุมบริเวณฝั่งผู้ขับขี่ภายในห้องโดยสาร , กระจกมองข้าง ปรับและพับ ด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED ในตัว อีกทั้งยังมากับไฟส่องสว่าง Pocket Light ที่มือเปิดประตูภายนอก และไฟส่องสว่างที่พื้น บริเวณประตูสไลด์ซ้าย-ขวา ส่วนด้านท้ายรถตกแต่งด้วยแถบโครเมียมที่บริเวณเสา C-Pillar, ประตูท้ายไฟฟ้า Smart Tailgate,  ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Rain Sensor) ขณะที่บนหลังคาจะติดตั้งราวหลังคาและเสาอากาศแบบครีบฉลาม

ในรุ่น SXL Luxury ที่ถือเป็นรุ่นท็อปสุด มีการอัพเกรดรายละเอียดจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเทียบกับรุ่นย่อยอื่น ๆ  ก็คือ ชุดไฟท้ายที่ออกแบบให้เป็นเส้นวางพาดยาวเต็มพื้นที่ เสริมด้วยไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ที่อยู่บนตัวสปอยเลอร์ด้านหลังและล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว ที่มีจะเป็นขนาด 18 นิ้วทั้งหมด มาพร้อมกับยางขนาด 235/55 R19 ของ Goodyear Assurance Maxguard SUV ที่เน้นการยึดเกาะถนนทั้งบนพื้นแห้งและพื้นเปียก

ส่วนสีตัวถัง KIA Carnival SXL Luxury จะมี ให้เลือก 4 สีด้วยกันครับ  คือ สีดำ Jet Black, , สีเทา Meteor Gray สีน้ำเงิน Astra Blue และ สีขาว Snowflake White Pearl อย่างคันที่นำมาทดสอบ

เบาะนั่งเน้นความ Relax จัดวาง ลงตัวกว่ารุ่น 11 ที่นั่ง

ด้านชุดอุปกรณ์ภายในจะได้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามารถปรับมือ 4 ทิศทาง รับชุดเกียร์แบบ Dial Type – Shift by Wire พร้อม Paddle Shift,ใกล้กันเป็นปุ่มเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold และปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ Drive Mode ชุดเครื่องเสียงพร้อมลำโพง Bose 12 ตำแหน่ง รอบคัน, ช่องจ่ายไฟ USB รวม 6 ตำแหน่ง, ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา พร้อมระบบปรับอากาศตอนหลังอัตโนมัติ

แผงแดชบอร์ดจะได้รับการติดตั้งหน้าจอคูขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วย หน้าจอข้อมูลการขับขี่ Digital Supervision LCD TFT ขนาด 12.3 นิ้ว และหน้าจอมัลติมีเดีย LCD TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ที่ต่อเป็นจอเดียวกัน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย โดยหน้าจอสัมผัสยังสามารถแสดงภาพจากกล้องรอบคัน Surround View Monitor ที่สามารถปรับมุมมองได้หลากหลาย ทำงานควบคู่ไปกับเซ็นเซอร์กะระยะ Parking Distance Warning ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อเสริมความปลอดภัย

โดยภายในห้องโดยสาร มาในแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟ 2 ตำแหน่ง เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า รวมทั้งเบาะที่นั่งหุ้มหนังสีน้ำตาล Saddle Brown ไฮไลต์สำคัญของรุ่น SXL Luxury อยู่ที่เบาะนั่งแถว 2 ที่เรียกว่า Premium Relaxation Seat ซึ่งมีลักษณะเป็นเบาะนั่งแยกซ้ายและขวา หุ้มด้วยวัสดุหนังแบบมีรูระบายอากาศ พร้อมที่วางแขนส่วนตัว ทั้งยังมีเบาะรองขาที่สามารถยกขึ้นด้วยไฟฟ้า เสริมด้วยระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ

เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบายสามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้าแบบเต็มตัว พร้อมระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ และเมมโมรี่ฝั่งคนขับ เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเอนด้วยไฟฟ้า ซึ่งปรับเอนได้จนเกือบราบ จะนั่งหรือจะนอนก็สบาย ตัวเบาะมีขนาดใหญ่ บุด้วยฟองน้ำที่มีความหนานุ่ม นั่งสบาย ทำให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นพิเศษแต่เบาะนั่งของรุ่น SXL Luxury การเลื่อนเบาะขึ้นหน้าและถอยหลังจะต้องปรับด้วยมือเท่านั้น ไม่มีระบบไฟฟ้ามาให้ และถ้าจะเอนเบาะแบบปรับเอนได้จนเกือบราบจำเป็นจะต้องเลื่อนเบาะไปทางด้านข้างเข้าหากึ่งกลางของตัวรถ (นึกภาพง่ายๆ คือ ต้องเลื่อนเบาะทั้ง 2 ข้างมาชิดกัน) จึงจะสามารถปรับเอนพนักพิงได้ อันเป็นผลจากการออกแบบเพื่อหลบซุ้มล้อหลัง ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ปรับแยกอิสระ 60 : 40 อีกทั้งยังพับเก็บเรียบไปกับพื้นตัวรถ รวมทั้งยังมากับจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX

แรง แต่ประหยัด กับ เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 202 แรงม้า

Kia Carnival ทุกรุ่นย่อยติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล Smartstream แบบ 4 สูบ ความจุ 2.2 ลิตร TCI-VGT กำลังสูงสุด 202 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,750 - 2,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมโหมด Manual รองรับน้ำมันดีเซล B7 ได้

อัตราสิ้นเปลืองถูกเคลมเอาไว้ที่ 14.9 กม./ลิตร ตามที่ปรากฏบน ECO Sticker ซึ่งถือว่าค่อนข้างประหยัดทีเดียวสำหรับเอ็มพีวีที่มีน้ำหนักกว่า 2 ตัน แถมน้ำมันดีเซลก็ยังถูกกว่าเบนซินอยู่ลิตรละหลายบาท แล้วก็ไม่ต้องมีระบบไฮบริดให้ว้าวุ่นในระยะยาวอีกด้วย

ส่วนระบบช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ McPherson Strut คอยล์สปริง ช็อคอัพ พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง Multi-Link คอยล์สปริง ช็อคอัพ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกทั้งด้านหน้า และหลัง จะเป็นดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน

ในด้านระบบความปลอดภัยจะได้รับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance Systems – ADAS) ของรุ่น SXL Luxury ประกอบด้วย 7 ฟังก์ชัน ทั้ง ระบบป้องกันการชนด้านหน้า, ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร , ระบบป้องกันการชนจากมุมอับสายตา, กล้องมองรอบทิศทาง และระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง ขณะที่ความปลอดภัยพื้นฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC, ระบบเบรก ABS/EBD, ระบบเสริมแรงเบรก BAS, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า, ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมนิรภัย, ถุงลมนิรภัยหัวเข่าผู้ขับขี่

ปิดท้ายที่ข้อมูล สรุปรุ่นย่อย ของ KIA Carnival จะมี ทั้งหมด 4 รุ่น ครับ คือรุ่น เริ่มต้น LX  รุ่น EX รุ่น SXL  และรุ่น SXL Luxury ราคา 2,990,000 บาท (รุ่นที่ใช้ทดสอบในบทความนี้) ซึ่งล่าสุด ทาง เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ได้มีปรับลดราคาจำหน่าย ของ KIA Carnival SXL Luxury ลง โดยปรับลดราคาพิเศษลงสูงถึง 291,000 บาท ครับ ส่งผลทำให้เอ็มพีวีรุ่นนี้ เหลือราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,699,000 บาท  โดยการปรับลดราคาจำหน่ายพิเศษลงครั้งนี้มีผลตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568 ครับ

*ขอขอบคุณฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เกีย เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อรถยนต์ทดสอบในครั้งนี้

คุยหลังขับ กับ กันต์ เย็นสบาย

สำหรับผม ส่วนตัวหลังจากมีโอกาสลองขับ โอปป้า MPV 7 ที่นั่ง คันนี้ สิ่งที่ชอบ คือรูปลักษณ์ ดีไซน์ ของตัวรถที่ดูสวยงาม ภูมิฐานดี เป็นรถคันใหญ่ ที่เจ้าของขับเองได้แบบหล่อ ๆ ไม่ต้องง้อโชเฟอร์

แม้ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่และยาว ยิ่งถ้าขึ้นมาขับในช่วงแรก ๆ การกะระยะเลี้ยวอาจต้องใช้ความระมัดระวังเสียหน่อย โดยเฉพาะการขับขี่ในเมือง แต่ในเรื่องทัศนวิสัยการมอง จากตำแหน่งผู้ขับ ทำได้ดีครับ มองเห็นได้ชัดเจน ทั้งด้านหน้า หลัง และมองข้าง แม้ว่าตัวถังจะมีลักษณะเป็นรถเอ็มพีวี แต่ลักษณะท่าทางการขับขี่แทบไม่แตกต่างกับการขับรถเอสยูวีทั่วไป เป็นรถที่สามารถขับได้ไม่ยากนัก แม้ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงที่เพิ่งหันมาใช้รถประเภทนี้

รวมไปถึงคอนเซ็ปต์การเน้นความนั่งสบาย ภายในรถ ด้วยเบาะแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และไฮไลต์สำคัญของเบาะนั่งแถว 2 และเบาะนั่งแถวที่ 3 ปรับแยกอิสระ 60 : 40 อีกทั้งยังพับเก็บเรียบไปกับพื้นตัวรถ ซึ่งโดยรวมจัดวาง ลงตัวดี กว่าในรุ่น 11 ที่นั่ง เป็นรถที่( ถ้าคุณมีกำลงซื้อ)ครอบครัวควรมีติดบ้านไว้อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่มีคุณหนู หรือมีผู้สูงอายุก็ตาม ด้วยการจัดวางแบบ 7 ที่นั่ง ทำให้พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างลงตัว ทุกตำแหน่งสามารถนั่งโดยสารได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งยังเหลือพื้นที่เก็บสัมภาระแม้ว่าจะนั่งเต็มคันก็ตาม

ชอบอีกเรื่อง คือ ฟิลลิ่งน้ำหนักและความแม่นยำของ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน และการตอบสนอง ของเครื่องยนต์ดีเซล 202 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 440 นิวตัน-เมตร ทำได้ดีครับ พละกำลังเหลือเฟือ  รองรับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมืองได้สบาย และจัดว่าเป็นรถแรงระดับหนึ่งเลยครับ อัตราเร่งมีความลื่นไหลดี โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ที่เปลี่ยนอัตราทดได้อย่างนุ่มนวลจนแทบไม่รู้สึก แม้แต่การเร่งแซงก็ทำได้ฉับไวตามประสารถดีเซล ไม่ต้องเค้นรอบให้เหนื่อยเหมือนกับเครื่องยนต์เบนซิน และทำให้แรงสะเทือนและเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์อยู่ในระดับต่ำตามไปด้วย  ช่วงล่างก็เซ็ตมาเน้นความนุ่มนวล รวมไปถึงการตอบสนองของระบบเบรก ที่ทำได้มั่นใจ ตอบโจทย์การเป็นรถครอบครัว

แม้คู่แข่งรถทางเลือกในรถกลุ่มนี้ มีหลายทางเลือกที่น่าสนใจทั้ง Hyundai Palisade  Hyundai Staria รวมไปถึง ในส่วน ของ MPV ไฟฟ้า อย่าง MG-MAXUS9  Denza D9 Performance AWD Zeekr 009 Standard หรือ XPENG X9  และด้วยการแข่งขันที่หนักหน่วงเกียได้จัดโปรโมชั่น ลดราคาเกือบ 300,000 บาท  เป็นกลยุทธ์ที่เชิญชวนให้ลูกค้าที่มองรถ MPV ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ