MAZDA BT-50 2025 Minorchange
4 รุ่นย่อย ยกสูง ตัวตึง มันจึ้งขึ้นมาก!! แม่…
ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย
กลับมาสร้างสีสันในตลาดรถยนต์ช่วงปีใหม่ 2568 กับเวอร์ชั่นปรับโฉม ของ Mazda BT-50 2025 และสื่อไทยได้ลองขับเป็นเจ้าแรกในโลก กับเครื่องยนต์ดีเซล 2 ขนาด 2 สไตล์ตัวถัง คือ Freestyle Cab ตอนครึ่ง 2 ประตู แค็บเปิดได้ และ Double Cab สองตอน 4 ประตู กับระบบขับเคลื่อน 2 แบบ รวม 4 รุ่นย่อย โดยทั้งหมด จะเป็นแบบรถไลฟ์สไตล์ปิคอัพยกสูงสำหรับโดยสารและกิจกรรมสันทนาการครับ
ปรับดีไซน์ สปอร์ตขึ้น ผ่าน 4 รุ่นย่อย ในแบบรถกระบะยกสูง
ปรับดีไซน์ สปอร์ตขึ้น ผ่าน 4 รุ่นย่อย โดยมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ด้านหน้าใหม่ทั้งชุดไฟ กระจัง และกันชนให้มีความสปอร์ตและพรีเมียม ทุกรุ่นมาพร้อมไฟหน้าโปรเจกเตอร์ หลอด LED แต่ระบบเปิด-ปิด ปรับสูง-ต่ำอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า บันไดข้าง มีเฉพาะตัวถัง Double Cab ขณะที่กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่แบบรังผึ้ง ตกแต่งด้วยแถบสีแดง สปอร์ตบาร์ สีเทาดำ ดีไซน์ใหม่และคิ้วตกแต่งซุ้มล้อสีดำเงามีเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ล้ออัลลอยมี 3 ลาย 2 ขนาด ตัวถัง Freestyle Cab ใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว ตัวถัง Double Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ ขนาด 18 นิ้ว สีเงิน และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ พ่นสีดำด้าน Matt Black
สำหรับมิติตัวถัง Mazda BT-50 2025 ทุกรุ่นยาวเท่ากันที่ 5,280 มม. กว้าง 1,870 มม. แต่ความสูงตัวถัง Freestyle Cab อยู่ที่ 1,785 มม. ระยะห่างใต้ท้องรถ 235 มม. สำหรับตัวถัง Double Cab เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร สูง 1,790 มม. และเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร สูง 1,810 มม. แต่ระยะห่างใต้ท้องรถเท่ากันที่ 240 มม.
ดีไซน์ภายใน 2.2 ลิตร ให้เบาะหุ้มผ้า และ 3.0 ลิตร เป็นผ้าสีดำสลับหนังสีส้ม Terracotta
ภายใน Mazda BT-50 2025 รุ่นเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ให้เบาะหุ้มผ้า และ 3.0 ลิตร เป็นผ้าสีดำสลับหนังสีส้ม Terracotta ส่วนเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้ามีเฉพาะในรุ่น 3.0 ลิตร และปรับไฟฟ้าเฉพาะด้านคนขับในรุ่นตัวถัง Double Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วนเบาะหลังของตัวถัง Double Cab สามารถแยกพับเบาะรองนั่งได้ 60:40
รุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เปลี่ยนดีไซน์แผงแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า เปลี่ยนชุดมาตรวัดดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เพิ่มฟังก์ชั่นแสดงมุมเอียงของตัวรถ Vehicle Tilt Information
ทางด้านระบบปรับอากาศ ให้มาเป็นแบบอัตโนมัติแยกปรับ 2 โซน มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบเสียงหน้าจอสัมผัส 8 นิ้ว ในตัวถัง Freestyle Cab และ 9 นิ้ว สำหรับ Double Cab รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ในรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร โดยรุ่น 2.2 ลิตร จะมีลำโพง 6 ตัว
มีเครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ให้เลือก 2 ขนาดความจุและ เพิ่มเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร Turbo 163 แรงม้า พร้อมเกียร์ 6MT/8AT ลูกใหม่
ทางเลือก 2 แบบเครื่องยนต์ คือ เปลี่ยนจาก เครื่องยนต์ 1.9 เดิมมาเป็น เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.2 ลิตร เทอโบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,400 รอบ/นาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.9 กิโลเมตร/ลิตร (Freestyle Cab เกียร์ธรรมดา 6 สปีด) และ 15.4 กิโลเมตร/ลิตร (Double Cab จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด)
เครื่องยนต์ 3.0 ดีเซล 4 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร เทอโบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม Sequential Shift + / – และ Paddle Shift มีให้เลือกทั้ง ขับเคลื่อนล้อหลัง RWD และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD พร้อมระบบ Rough Terrain Mode (Active Traction Control) ควบคุมการกระจายกำลัง อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.3 กิโลเมตร/ลิตร (ขับเคลื่อนล้อหลัง) และ 13.5 กิโลเมตร/ลิตร (ขับเคลื่อน 4 ล้อ) รองรับน้ำมันสูงสุดดีเซล B20
อัพเกรด ADAS 3 ระบบ เพิ่มเทคโนโลยีและความปลอดภัย
Mazda BT-50 2025 ติดตั้งถุงลมนิรภัย 6 จุด เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ส่วน 2.2 ลิตร ให้ถุงลมนิรภัยคู่หน้า แต่ทุกรุ่นมีเบรก ABS, ระบบช่วยลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก, ระบบตรวจการเอียงของตัวรถและองศาของล้อ รวมถึงกล้องมองหลัง ส่วนระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันให้มาเฉพาะตัวถัง Double cab
ขณะที่ระบบช่วยขับขี่ ADAS เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เท่านั้น โดยมีการอัพเกรด ADAS เพิ่มเติม 3 ระบบ คือ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ AEB ระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DDA (Driver Alert Assist) และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB (Rear Cross-traffic Brake)
ปรับชื่อไลน์อัพรุ่นย่อยใหม่ XS / XT และ XTR และมีทั้งหมด 5 สี
Mazda BT-50 2025 ปรับชื่อไลน์อัพรุ่นย่อยใหม่ ทั้ง 4 รุ่นย่อย โดยในตัวถัง Freestyle Cab 2 ประตู แค็บเปิดได้ รุ่น 2.2 XS Hi-Racer เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 762,000 บาท
ส่วน รุ่น 2.2 XT Hi-Racer เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 992,000 บาท รุ่น 3.0 XTR Hi-Racer เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1,242,000 บาท และรุ่น 3.0 XTR 4X4 เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,352,000 บาท
ส่วนในเรื่องสีมีทั้งหมด 5 สี คือ มีสีใหม่ 3 สี คือ สีแดง Vermilion Latosol Red สีน้ำเงิน Sailing Blue และ สีขาว Geode White Pearl รวมทั้งสีเทา Concrete Gray และ สีขาว Ice White
ซึ่งทางเลือกของสีตัวถังใหม่ น่าสนใจ เพราะในเฉด สีแดง Vermilion Latosol Red จะมีในรุ่นท็อป xtr 4 x4 เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ที่มาพร้อมชุดแต่ง เพิ่มความสปอร์ตรอบคัน และสีน้ำเงิน Sailing Blue ก็จะมีเฉพาะในตัว เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ในแบบตัวถัง Double Cab 4 ประตู เท่านั้นครับ
ลองสมรรถนะ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ - บ่อพลอย กาญจนบุรี แวะเที่ยว นาเฮียใช้ และ "วัดเขาทำเทียม" จุดเชคอิน อันซีน @สุพรรณบุรี
หลังจากลงทะเบียน ฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์และบรีฟสรุปเส้นทางทดสอบ จากโชว์รูมมาสด้า พระนคร เกษตรนวมินทร์ คาราวาน MAZDA BT-50 2025 Minorchange ก็เดินทาง มาถึง ที่ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย หรือ นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี ศูนย์ศึกษาเรียนรู้พันธุ์ข้าวที่น่าสนใจ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรีครับ ที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้ ควบคู่ไปกับการเรียนรู้วิถีชีวิตการเกษตร บนพื้นที่เกษตรน่าเรียนรู้ขนาดใหญ่
ชมเรือนวิถีชีวิตชาวนาไทยในอดีต ที่จัดแสดงอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ในการทำนา รวมทั้งคอกควายซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวนาไทยแต่ดั้งเดิม และหอเตือนภัยชาวนา หอคอยสูง 3 ชั้น สูง 14.5 เมตร จุดชมวิว ในมุมสูง ครับ นอกจากนี้ที่ นี่ ยังมีบริการศูนย์ของฝาก ร้านกาแฟสดเฮียใช้ ร้านจำหน่ายของฝาก และร้านอาหารครัวซ้อเกียวไว้รับรองรับผู้มาเยือนด้วยครับ
อันซีนแบบอลังการ กับพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า หลวงพ่ออู่ทอง สร้างขึ้นในพื้นที่ของเหมืองหินเก่าที่รกร้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นอุทยานพระพุทธศาสนา และยังเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของเมืองสุพรรณบุรี ที่ "วัดเขาทำเทียม"
พื้นที่โดยรอบ ก็กว้างขวางครับ สามารถเดินเล่น นั่งเล่นชิล ๆ รวมถึงบริเวณโดยรอบก็มีตลาดของกินของขายให้เลือกซื้อหาเต็มไปหมด "วัดเขาทำเทียม" ตั้งอยู่ที่ อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ขึ้นชื่อเรื่องพระพุทธรูปแกะสลัก ยังมี sky walk ที่เปิดให้ใช้บริการแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอีกไฮไลต์ ที่เที่ยวถ่ายรูปสวย ใกล้กรุงเทพฯ ที่เดินทางไม่ไกลและน่าไปเยี่ยมชมครับ
คุยหลังขับ กับ กันต์ เย็นสบาย
4 รุ่นย่อย กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.2 & 3.0 ลิตร ราคา 762,000 - 1,352,000 บาท สำหรับ MAZDA BT-50 กับเวอร์ชั่นปรับโฉม ครั้งนี้ความเปลี่ยนแปลงของ Mazda BT-50 เหมือนเปลี่ยนไม่มาก แต่จริง ๆ แล้ว มีหลายจุดเลยครับ ทั้ง การเปลี่ยนกระจังหน้า กันชนหน้า เปลี่ยนไฟหน้า ไฟท้าย ดีไซน์ใหม่ เพิ่มสปอร์ตบาร์ด้านหลัง สำหรับรุ่น XTR การเปลี่ยนล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่
การเพิ่มเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร การเพิ่มระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DDA และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB การปรับชื่อไลน์อัพรุ่นย่อยใหม่ XS / XT และ XTR เพิ่มสีตัวถังใหม่ ทั้งสีน้ำเงิน และสีแดง และภายนอกได้รับการตกแต่งให้ดูมีความเป็น Mazda ยิ่งขึ้น เส้นสายต่างๆดูเป็นรถ SUV มากกว่ากระบะ
ในส่วนภายในอาจจะมีมีปรับเล็กน้อยแต่ก็ให้ความรู้สึกทันสมัยมากยิ่งขึ้น เปลี่ยนชุดมาตรวัดดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เปลี่ยนหน้าจอกลางเป็นขนาด 9 นิ้ว เพิ่มฟังก์ชั่นแสดงมุมเอียงของตัวรถ ช่วยเพิ่มความหรูหรา
ได้ลองขับกัน กันพอได้รู้จักสมรรถนะครับ จากกรุงเทพฯ – สุพรรณฯ - จนถึงสนามกอล์ฟ กรังด์ปรีซ์ บ่อพลอย เมืองกาญจน์ ไปกลับ กว่า 400 กิโลเมตร ในส่วนโมเดล 2.2 ได้เกียร์ใหม่ 8 สปีด แน่นอนอย่างที่หลายคนรู้ เป็นเครื่องยนต์ ที่ใช้ร่วมกับ Isuzu D-Max และถูกพัฒนาต่อยอดจากขุมพลังดีเซล 1.9 โดยมีรายละเอียด ทั้งการเพิ่มความจุกระบอกสูบ เปลี่ยนเสื้อสูบ ฝาสูบ ลูกสูบ ก้านสูบ และเพลาข้อเหวี่ยง เปลี่ยนหัวฉีดใหม่ แรงดันเพิ่มขึ้น เปลี่ยนเทอร์โบใหม่ ทำให้ มีพละกำลัง แรงบิดเพิ่มขึ้น และมาในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่าเดิม ส่วนช่วงล่างจัดว่านิ่ง ยวบเด้งพอประมาณ แต่ยังให้ความเป็นเป็นปิกอัพที่ขับสนุก แต่เน้นความประหยัดน้ำมัน
ส่วนในรุ่นท็อป XTR 4 x4 เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร พวงมาลัยไฟฟ้า ระบบ ADAS จัดมาเต็ม ๆ ที่มาพร้อมชุดแต่ง รอบคัน ก็ดูดุดันตามสมัยนิยม เป็นอีกรถปิคอัพทางเลือกที่ให้บุคลิกสปอร์ตได้ดีครับ