One Day Trip กับ Honda HR-V e:HEV 2024
หน้าใหม่ เพิ่ม Option
ปรับราคามาด้วยกัน 3 รุ่นย่อยเหมือนเดิม
ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย
นับตั้งแต่การเปิดตัวในไทยครั้งแรก ก่อนจะมีการเปิดตัว โฉมใหม่ในปี 2021 ที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ไฮบริด (e:HEV) ที่ประหยัดน้ำมันมากเมื่อเทียบกับโฉมแรก และสำหรับ Honda HR-V e:HEV 2024 นี้ ถือเป็นรุ่นปรับปรุงโฉมของเจเนอเรชั่นปัจจุบัน ที่มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อยเหมือนเดิม แต่ได้มีการอัพเกรดหน้าตาใหม่ พร้อมกับเพิ่ม Option อีกเล็กน้อยเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ…
ดีไซน์ สปอร์ตขึ้น ในสไตล์เอสยูวี
เริ่มที่ HR-V รุ่น RS ความแตกต่าง จากโฉมก่อนมี ทั้ง การออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ RS /ไฟท้ายแบบ Full LED Light Strip ดีไซน์ใหม่ สี Smoke /ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว สีใหม่ สีดำ Berlina Black แบบ Diamond cut /เพิ่มระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) /ระบบไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL) และเพิ่มเซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
ในรุ่นกลาง HR-V รุ่น EL 2024 ออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าใหม่ สีเดียวกับตัวรถ และเพิ่มเบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เพิ่มอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด มาพร้อมไฟส่องสว่าง และแอร์หลังยังมีให้เหมือนเดิม
ส่วนในรุ่น HR-V รุ่น E ออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าใหม่ สีเดียวกับตัวรถ (เหมือนกับรุ่น EL )แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกส่องหน้าแบบมีฝาปิด มาพร้อมไฟส่องสว่าง เพิ่มช่องปรับอากาศตอนหลัง
ปิดท้ายที่การเพิ่มเติมฟังก์ชัน การใช้งานใหม่ ทีมีเหมือนกันในทุกรุ่นย่อย มีทั้ง การออกแบบคอนโซลกลางใหม่ ด้วยการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยมาพร้อมช่องเก็บของพร้อมถาดอเนกประสงค์ มอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้นในการใช้งาน
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
การอัพเกรดช่องเชื่อมต่อ USB เป็นทั้งหมด 4 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย โดยมาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB Type-C จำนวน 3 ช่อง (ด้านหน้า 1 ช่อง และด้านหลัง 2 ช่อง) และช่องเชื่อมต่อ USB Type-A ด้านหน้า จำนวน 1 ช่อง รวมทั้ง มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว พร้อมจอแสดงไฟเบรก
ภายนอก 6 สี และเพิ่มสีใหม่! สีกากีแซนด์ (มุก) หลังคาสีดำสไตล์ทูโทน
สีตัวถังภายนอกของ Honda HR-V e:HEV ในเวอร์ชั่น 2024 มาพร้อม 6 เฉดสี และเพิ่มสีใหม่ สีกากีแซนด์ (มุก) หลังคาสีดำสไตล์ทูโทน ในรุ่น eHEV RS และ eHEV EL) รวมทั้งในสีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) หลังคาสีดำสไตล์ทูโทน ที่มีเฉพาะรุ่น e:HEV RS) รวมทั้งสีขาวพรีเมียมซันไลท์ สีขาวแพลทินัม สีดำคริสตัล (มุก) และ สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
ขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริด พร้อมสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode 3 โหมด
ขับเคลื่อนแบบฟูลไฮบริดจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ ( IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและขนาดกะทัดรัด สามารถเก็บประจุไฟ และช่วยให้การชาร์จไฟเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่โดยอัตโนมัติในขณะขับขี่
แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที ให้การตอบสนองทันใจตั้งแต่ออกตัว ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร น้ำมันหนึ่งถังไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร
โดยระบบฟูลไฮบริด e:HEV มีจุดเด่นอยู่ที่โหมดการขับขี่อัตโนมัติ ที่เหมาะสมตามระดับแบตเตอรี่ สภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ ประกอบด้วย 3 โหมดการทำงาน ได้แก่
1. โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โดยมอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง
2. โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) โดยระบบจะขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เกิดจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ ผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า
3. โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์อัตโนมัติ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่
ในทุกรุ่นย่อยยังติดตั้งสวิตช์ฟังก์ชัน Drive Mode 3 โหมด คือ
ECON Mode - โหมดการขับขี่แบบประหยัด พร้อมปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการขับขี่เพื่ออัตราการประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ตามรูปแบบการขับขี่
Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต ที่ช่วยปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้พร้อมตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้น เพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจ
นอกจากนี้ในทุกรุ่นย่อย ยังมีระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) ที่ช่วยหน่วงความเร็วรถ ที่ช่วยคุมอัตราการชะลอความเร็วของรถได้โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย
(รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
เทคโนโลยีความปลอดภัย จัดเต็ม Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย
ในทุกรุ่นย่อยของ Honda HR-V e:HEV 2024 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่ทำงานร่วมกับกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ทั้ง
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS) โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีรถสวนทาง
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางปกติ
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (RDM with LDW) ระบบจะใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (ACC with LSF) ระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN) ระบบที่ตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้า โดยระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง เพื่อให้ผู้ขับขี่เคลื่อนที่ตามรถคันหน้า
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ( AHB) ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือรถยนต์ด้านหน้า
ส่วนระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam: ADB) นั้นจะมีเฉพาะรุ่น e:HEV RS โดยระบบจะปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา อัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์การขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในเวลากลางคืนและปรับองศาของแสงไฟเพื่อลดการรบกวนรถยนต์ด้านหน้าหรือรถที่กำลังสวนทางมา
ปรับลดราคายั่ว ๆ ในช่วงเปิดตัว
- Honda HRV e:HEV 2024 รุ่น RS ราคาอยู่ที่ 1,179,000 บาท
- Honda HRV e:HEV 2024 รุ่น e:HEV EL ราคาอยู่ที่ 1,079,000 บาท
- Honda HRV e:HEV 2024 รุ่น e:HEV E ราคาอยู่ที่ 899,000 บาท (โดยราคาแนะนำช่วงเปิดตัว จำนวนจำกัด เมื่อจองตั้งแต่ 8 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 และรับรถตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2567 – 31 มกราคม 2568 ซึ่งราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ 949,000บาท ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป)
คุยหลังขับ กับ กันต์ เย็นสบาย
One Day Trip กับ Honda HR-V e:HEV 2024 ในครั้งนี้ เริ่มกิจกรรมการทดสอบเดินทางจากจุดสตารท์ที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดย่านถนนเสรีไทย ก่อนไป รับประทานอาหารกลางวัน ร้านไวท์ไลน์ คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองต์ ย่านถนนบรมราชชนนี เพื่อเริ่มกิจกรรมการทดสอบและรีวิว ก่อนเดินทางกลับถึงบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดเพื่อจบกิจกรรม เป็นการขับแบบวันเดียวเที่ยวสั้น ๆ ข้ามฝั่งกรุงเทพฯ ไป-กลับจากฝั่งตะวันออก ไปฝั่งตะวันตกครับ
สำหรับผม ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี เป็นรถเอนกประสงค์อีกรุ่น ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับตลาดรถยนต์พอสมควร ครับ นับตั้งแต่การเปิดตัว (1 พ.ย.67) ในแบบ New Honda HR-V 2024 ที่มีการปรับปรุงหลายๆ อย่างให้เหมาะกับการใช้งานผู้บริโภคในปัจจุบัน ส่งผลให้ยอดจองในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่เปิดตัว รวมทั้งหลังจบงาน อีเวนต์คาร์โชว์ใหญ่ ส่งท้ายปี2567 อย่าง Motor expo 2024 (ตามที่ทางผู้บริหารฮอนด้าบอก) ยอดจองซื้อรวมทั้งหมด ตอนนี้ รวมวกว่า 5500 คัน ก็นับว่าไม่ธรรมดา
โดยความนิยม ใน 3 รุ่นย่อยถ้าตีกลม ๆ 100 เปอร์เซ็นต์ ไล่เรียง ตามลำดับ รุ่น RS จะได้รับความนิยม สัดส่วนประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ รุ่น e:HEV EL 25 เปอร์เซ็นต์ และ รุ่น e:HEV E จะได้รับความนิยมสูงสุดที่ 40 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ ให้การตอบรับกับตัว ล่าง หรือก็กระโดดก็ไปเล่นตัวท๊อปเลย รุ่นกลาง รุ่น e:HEV EL ก็จะเดินยอดน้อยกว่าหน่อย
ส่วนรุ่นรถ ที่ใช้ในกิจกรรมการทดสอบครั้งนี้ มีแค่ 2 รุ่นครับ คือ รุ่น RS และ รุ่น e:HEV EL ตัวล่างรุ่น e:HEV E ตัวยอดนิยม ขายดี ไม่ได้มีมาให้ทดลองขับ
การเดินทางขาไป กับรุ่น RS สำหรับผม เรื่องดีไซน์ชอบนะดูสปอร์ตขึ้น ในสไตล์เอสยูวี โดยเฉพาะในสีกากีแซนด์ หลังคาสีดำสไตล์ทูโทน ก็ทำให้หน้าตารถ ดูสวยงามลงตัวดี ส่วนฟิลลิ่งการขับโดยรวม ขับดีครับ รถขับและคุมง่าย พวงมาลัย อัตราทดแปรผัน ทำให้การเลี้ยว การเปลี่ยนเลน ทำได้ดี ส่วนตัวเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนแม้จะไม่ได้ปรับอะไร แต่ยังตอบสนองดีครับ และน่าจะตอบโจทย์ความประหยัด ในยุคน้ำมันแพงได้ดี ขับในเมืองทริปนี้ได้อัตราประหยัดประมาณ 17 ก.ม./ลิตร ในสภาพการจราจร ที่ต้องเจอรถติดจริง ขับจริง ก็ถือว่า ประหยัดได้อยู่ ส่วนช่วงล่างก็หนึบใช้ได้ครับ ปรับมาเน้นให้นั่งได้นุ่มสบาย ห้องโดยสาร ก็เก็บเสียงได้ดีกว่าเดิม
ส่วนขากลับ ได้ลองเปลี่ยนมาขับ รุ่น e:HEV EL ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่างอะไรมากมาย กว่า ในรุ่น RS ครับ ทั้งสองรุ่นเป็นรถที่ขับแล้ว ควบคุมง่าย นั่งสบาย ในภาพรวมฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ผมมองว่าให้อารมณ์แบบรถเอนกประสงค์แนวผู้ใหญ่นิดหน่อย ถ้าเทียบกับรถในเซกเมนต์นี้ ที่เคยขับมาอย่าง นิสสัน คิกส์ คันนั้นก็จะให้อารมณ์วัยรุ่น เน้น แรงและขับสนุก ส่วนฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี น่าจะเหมาะเป็นรถใช้งานทุกวัน เน้นการใช้งานแบบครอบครัว ไม่ได้เน้นเรื่องความแรง เป็นหลัก
ปิดท้ายสำหรับบางคนที่ ไม่ได้อยากได้หลังคากระจก และล้อรุ่น RS แต่อยากจะ ซื้อรุ่น ELหรือ E (ที่ปรับราคาถูกลงจากเดิมประมาณ 8 หมื่นบาท) แล้วไปแต่งต่อ ก็น่าสนใจครับ โดยเฉพาะ ชุดแต่ง Mugen Power ชุดแต่งแท้จากญี่ปุ่น และ ชุดแต่ง Modulo ของทาง Honda Access ก็เป็นทางเลือกตกแต่งที่สวย ตรงปก และน่าสนใจมากทีเดียวครับ