ขับ ALL NEW SUZUKI FRONX
ท่องเที่ยว เวียงจันทร์-วังเวียง
เพื่อทดสอบสมรรถนะเต็มรูปแบบของรถธงตัวใหม่
ทดลองขับโดย ภัชรี เอกฉัตร์
หลังจากเปิดราคาของ ALL NEW SUZUKI FRONX เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา แอบอึดอัดไปกับราคา ที่เรารู้สึกว่ามันไม่ว้าววว คือฉันเริ่มไปตกในวังวนของตลาดรถจีน ที่ทำราคาตาแตกตลอดเวลา ต่อเมื่อเราได้ลูบได้คล้ำ ได้สัมผัส SUZUKI FRONX ในด่านแรกในวันเปิดตัว ก็พอจะเข้าใจและยิ่งพอได้รับข้อมูลจากผู้บริหารก็ยิ่งเข้าใจไปอีกระลอก ทั้งนี้ทั้งนั้นในวันที่เราได้มีโอกาสขับขี่น้อง ในทริป เวียงจันทร์-วังเวียง ฟันธงให้เลยว่า ราคาที่ตั้งมาไม่ได้เกินจริง จากสมรรถนะ ที่น้องมีเลยจริง ๆ พูดมากไปก็จะหาว่าอวยยศ อวยชัยกันไป เอาเป็นว่าใครอยากลองว่าจริงดังที่เจเจ่พ่นไว้หรือไม่ ก็ไปทดลองกันเองละกัน แต่สำหรับดิฉันแล้วถือเป็นรถเติมเต็มความคุ้มค่าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ตามนิยามของน้องเลยทีเดียว


ทริปนี้จริง ๆ แล้ว ก็ถือว่าไม่ได้ขับไกลหรือมากมายนัก แต่ซูซูกิ มอเตอร์ สามารถจัดให้เราได้ลองขับขี่น้อง SUZUKI FRONX ในหลายรูปแบบคือ การขับบนถนนออนโรดยาวกว่า 100 กม. บนทางด่วน อีกช่วงเป็นการขับในถนน DIRT คือถนนภูธร ที่มีเด็ก ๆ ตัวเล็กตัวน้อย สิงสา ลาสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมา ไก่ วัว ควาย ทุกอย่างไม่เกินจริง หลุม บ่อ โคลน ก็เสิร์ฟอัดแน่นเสมือน ปรับสภาพเพื่อทดสอบช่วงล่างก็ว่าได้ 555 อันนี้ยอมใจทีมงานแกจริง ๆ เลือกสรรมาให้พวกเราได้ลูกใหม่ของพ่อวัลลภแกจริง ๆ


ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องเส้นทาง เวียงจันทร์-วังเวียง ขอพูดถึงหน้าตา รูปลักษณ์ของ SUZUKI FRONX กันก่อนดีกว่า แม้ว่ารถรุ่นนี้จะไม่ได้ผลิตในประเทศไทย ด้วยปัจจัยหลากหลายประการ ที่ซูซูกิ นั่งคิด นอนคิดแล้ว ว่าการยกเลิกโรงงานผลิตในประเทศไทย น่าจะทำให้ซูซูกิ เดินหน้าต่อในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยได้คล่องตัวขึ้น ดังนั้นรถรุ่นที่ประกอบในบ้านเราก็จะปิดไลน์สนิทกันในสิ้นปีนี้ ตอนนี้ยังคงมีน้องสวิสฟ์พระเอกในตำนาน ที่ยังคงพอมีขายได้อีกหลายเดือน อ้าวว!! เข้าเรื่อง ด้วยประการฉะนี้ทำให้น้อง ALL NEW SUZUKI FRONX เป็นรถยนต์นำเข้าอินโดนีเซีย ที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานระดับโลก สร้างความสำเร็จและการตอบรับอย่างงดงามมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในประเทศอินเดีย ประเทศญี่ปุ่น และประเทศอินโดนีเซีย


รถเอสยูวีดีไซน์สปอร์ตคันนี้ ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะผู้ที่มองหารถยนต์ที่พร้อมเป็นเพื่อนร่วมทางในทุกกิจกรรมของชีวิตประจำวัน ด้วยความสะดวกสบายในการขับขี่ ความคล่องตัวในการใช้งาน ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มอบทุกความมั่นใจในทุกเส้นทาง ALL NEW SUZUKI FRONX โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตาด้วยไฟหน้าพร้อม Daytime Running Light กระจังหน้าทรงพลังเสริมความพรีเมียมด้วยลายเส้นโครเมียม และไฟท้าย LED เชื่อมต่อเต็มแนวโดดเด่นในทุกมุมมอง โดยส่วนตัวชอบด้านท้าย มันดูสปอร์ต ๆ ลงตัว ไม่บานเบอะบะ ให้อารมณ์เหมือนตูดนักกีฬา ดูมีมัดกล้าม ไม่บาน ย้วยย้าย นึกออกเนอะ

ส่วนภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีสไตล์และความสบายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว พร้อมพวงมาลัย Multifunction ดีไซน์สปอร์ต Paddle Shift ขับสนุกตลอดทาง ซึ่งบัดดี้คันดิฉันชอบมาก กับการใช้โหมดนี้ แกบอกทำให้การขับขี่คล่องแคล้วยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้ว จอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย ระบบ Keyless Push Start แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB และช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง พร้อม USB Charger การช่วยให้สมาชิก 3 คน (ลืมบอกไป ดิฉันมีสมาชิกร่วมคันเดียวกัน 3 ท่าน ประกอบด้วย คุณสิน-อินฟูลเอนเซอร์สายหล่อ พรีเมียม เธอเป็นขวัญใจในทุกเจน อีกคนก็สาวสายฮาประจำสายยานยนต์ เปิ้ลซ่า-จากคาวาอี่ และดิฉันแม่หมาพาเพลิน ผู้ซึ่งรักหมามากกว่าหลัว 555 ทุกคนไม่ต้องแย่งชิงชาร์จอุปกรณ์ เพราะ SUZUKI FRONX มีให้เสร็จสรรพในทุกตำแหน่งแล้ว

จริง ๆ แล้ว ALL NEW SUZUKI FRONX มีเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร มีให้เลือกทั้งในรูปแบบเครื่องยนต์ K15B ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น ในรุ่น GL ราคา 689,000 บาท ส่วนรุ่น GLX ราคา 749,000บาท และ GLX Plus ราคา 799,000 บาท ในวันนี้ของทริป ใช้รถรุ่น GLX Plus ทุกคัน ตัวรองและตัวท็อป ใช้เครื่องยนต์ K15C ที่มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ (DUALJET) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Smart Hybrid Vehicle (SHVS) เอกสิทธิ์เฉพาะของซูซูกิ ที่เป็นการผสานพลังเครื่องยนต์ด้วยเทคโนโลยี Integrated Starter Generator (ISG) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน พร้อมมอบสมรรถนะที่เร้าใจด้วยอัตราเร่งที่เฉียบคม และประหยัดน้ำมัน ตาม ECO Sticker ระบุไว้ที่ 19.0 กม./ลิตร สำหรับสมาชิก 3 คน ก็ทำอัตราได้สิ้นเปลืองได้แตกต่างกัน อยู่ที่สภาพถนน การขับขี่ และพฤติกรรมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะก็ทำได้ราว ๆ 15.0 กม./ลิตร ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดี ไม่ได้ปั่นให้เมื่อย เพราะเราไม่ได้ประกวดประขัน แต่เราต้องการขับแบบการใช้งานจริง
ร่ายยาวมาถึงตรงนี้แล้ว เราคงต้องมาดูกันที่ สมรรถนะและความปลอดภัยครบครัน รองรับการขับขี่ที่มีให้ในรถคันนี้กัน อย่างแรกเขาว่ากันว่า สมาร์ทไฮบริดของซูซูกิ เป็นไฮบริดที่กระเดียด ๆ นิดนึง ไมเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเขา ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของผู้บริโภค สำหรับเราไม่ติด ระยะยาวก็ไม่น่ากังวล เพราะซูซูกิเขามี SUZUKI SAFETY SUPPORT พร้อมมอบทุกความคุ้มค่า ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์ของชีวิต ในราคาเริ่มต้นเพียง 689,000 บาท รับข้อเสนอดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี มาเติมความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าอีกด้วย


เรามาพูดถึงการขับขี่ในทริปนี้กันต่อดีกว่า หลังจากลงเครื่องที่สนามบิน WATTAY ที่เวียงจันทร์ เราก็เข้า รร. เพื่อบรีฟรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับรถ และเส้นทาง พร้อมด้วยรับประทานอาหารเช้า เติมพลังให้กับสื่อมวลชนทุกท่านก่อน การทดลองขับในครั้งนี้ เราสตาร์ทกันที่ประตูชัย เป็นขบวนสวยงาม น่ารัก บนถนนที่ขวักไขว่ของประตูชัย ไปขึ้นทางด่วน ทางด่วนจากเวียงจันทร์ไปลงสุดทางวังเวียง เสียค่าทางด่วนประมาณ 1 กว่ากีบตกเงินเงินไทยประมาณ 200 บาท บนทางด่วนบัดดี้ดิฉันประทับไม้แรก คุณสิน เธอเหยียบ ๆ แล้วก็เหยียบ เธอบอกขออนุญาตสักนิดนึง แต่เราก็ไม่ได้ทำความเร็วเกินกฎหมายกำหนดนัก เหยียบแค่ช่วงเร่งแซง ให้ได้สัมผัสถึงสมรรถนะเท่านั้น ซึ่งบัดดี้ดิฉันบอกผ่าน ดิฉันก็เห็นควรเช่นกัน


หลังจากลงทางด่วนวังเวียง ก่อนไปที่พักที่ รร.อมารี เราต้องวิ่งเข้าไปทดลองการขับขี่ในช่วงถนน DIRT คือถนนที่มีอุปสรรคมากมาย ซึ่งได้พูดแตะไปแล้วในช่วงต้น เราได้ขับกันอย่างสนุกสนาน แม้จะมีรถนำ แต่ด้วยอุปสรรคต่าง ๆ ของสภาพถนน การจราจร ลูกเด็กเล็กแดง สัตว์นานาชนิด และหลุมบ่อ ทำให้เราได้ใช้สมาธิกับรถอย่างมาก สัมผัสได้ถึงช่วงล่างที่ดีเกินคาดจริง ดีจนคิดว่าผู้บอ ไปเซ็ทรถก่อนให้พวกเราขับใช่มั้ย ไม่ใช้ครับ เสียงตอบกลับหนักแน่นของท่านผู้บริหาร รถผมเดิม ๆ ครับ ช่วงล่างระบบกันสะเทือนหน้าแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม (Torsion Beam)รองรับระบบเบรกด้านหน้าเป็นเบรกปกติ และด้านหลังเป็นดรัมเบรค ซึ่งผมไม่ได้ทำอะไรให้พิเศษไปกว่าปกติเลย แสดงว่าวิศวกรเขาออกแบบมาได้ลงตัว ทำให้การขับขี่ในทางอุปสรรคได้ผลเกินคาดหมาย


จุดเด่นที่ต้องขอชมอีกประการเป็นเรื่องของความเงียบในห้องโดยสาร ของซูซูกิคือเขามีเอกสิทธิ์เฉพาะ ระบบ NVH ช่วยลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือนจากภายนอก ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control) จุดยึดเบาะที่นั่งสำหรับเด็ก พร้อมจุดรั้งตำแหน่งด้านบนของเบาะที่นั่งเด็ก (ISOFIX) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ตรงนี้ก็ถือเป็นจุดขายได้เช่นกัน
ระบบต่าง ๆ ที่เขาอัดแน่นให้ในครั้งนี้ถือว่าทำให้รถ ALL NEW SUZUKI FRONX เป็นรถที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง การทดลองขับในครั้งนี้ทำให้คะแนน จากการเปิดตัวในครั้งแรก สำหรับดิฉันนะให้ดาวน้องเพิ่มค่ะ ทั้งนี้ ทั้งนั้นคงต้องเป็นการบ้านของซูซูกิ แล้วล่ะ ว่าจะทำให้ลูกค้าซื้อตัดสินใจซื้อได้ ก็ต่อเมื่อต้องได้ลองขับจริง ๆ ค่ะ หากดูแต่รูปลักษณ์ ราคา อาจจะตัดสินใจยาก แต่ในฐานะสื่อมวลชนที่คลุกคลีในวงการยานยนต์มากว่า 20 ปี ขอบอกกับผู้อ่านตรงนี้ค่ะ ว่าโดยส่วนตัวยังมองว่ารถญี่ปุ่นมีศักยภาพที่น่าไว้วางใจกว่าพี่ไชนะจ๊ะ


ขอทิ้งท้ายให้ผู้อ่าน ฉุกคิดสักนิด ข้อเสนอสุดพิเศษที่มอบความคุ้มค่าสูงสุด ให้แก่ลูกค้าที่จองและรับรถตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – 31 ธันวาคม 2568 เท่านั้น โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิประโยชน์ดังนี้
- ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.99%
- ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่งปีแรก
- ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ระยะเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ ซูซูกิยังมอบทางเลือกที่คุ้มค่าตลอดการใช้งาน คลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ และเพื่อมอบความอุ่นใจสูงสุดให้กับลูกค้า ซูซูกิขอนำเสนอโปรแกรมพิเศษ SUZUKI FRONX Worry Free Maintenance Package ในราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 27,999 บาท ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถตามระยะทาง นานถึง 7 ปี ซึ่งเป็นความคุ้มค่าที่ช่วยให้ลูกค้าวางแผนค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น และมีความมั่นใจในการครอบครองรถในระยะยาว
ฝากไว้เป็นข้อมูล อย่างไรก็ตามการตัดสินใจเป็นเรื่องของผู้ซื้อ ศึกษานานหน่อย อย่าปล่อยให้อารมณ์เป็นผู้กำหนดอนาคตละกันนะครับ

