ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.0 ลิตร ดีเซล วี 6

กระบะพันธุ์แกร่ง สายแบก สายลุย

 

ทดลองขับโดย ภัชรี เอกฉัตร์

 

ในฤดูฝนแบบนี้ ดูเหมือนรถกระบะจะตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี แม้ตลาดรถยนต์ครึ่งปีแรกจะไปไม่ถึงฝั่งฝันเท่าไหร่ เพราะลิสซิ่งถูกคุมเข้ม การปล่อยสินเชื่ออย่างเข้มงวด รัฐบาลใหม่มา ได้ยินเสียงแววดังแผ่ว ๆ มาแล้วว่า อาจจะผ่อนปรนกฎกติกา เพื่อให้ตลาดได้เกิดกระแสหมุนเวียน ไม่ได้นิ่งเงียบเช่นในปัจจุบัน

สำหรับฟอร์ด ซึ่งครองยอดจำหน่ายลำดับที่ 3 ของตาราง ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่ยังพอมีอนิสงค์จากรถอเนกประสงค์ เอเวอเรสต์ที่ตลาดยังคงมีความต้องการโดนแรงกระทบประปราย แต่รถก็ยังขายได้ แถมมีลิมิเต็ดมาให้ได้ยลโฉมกันเป็นระลอก ๆ เข้าเรื่องทดลองรถดีกว่า เพราะแอดได้หยิบยืมรถฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวลด์แทรก 3.0 ลิตร ดีเซล วี 6 มาลองบรรทุก แบกเฟอร์เข้าบ้านสักหน่อย 555

 

 

รุ่นที่แอดเอามาทดลองขับ ทดลองขี่ ได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.0 ลิตร ดีเซล วี 6 รถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดที่ตอกย้ำบทบาทของฟอร์ดในการสร้างปรากฏการณ์ใหม่และนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมามอบให้กับผู้ขับขี่ชาวไทยอยู่เสมอ ด้วยขุมพลังใหม่ เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ให้สมรรถนะในการขับขี่ขั้นสูง ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตกับครอบครัว หรือการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน พร้อมเป็นรถคู่ใจในทุกเส้นทางของชีวิต อย่าแท้ทรู

  

 

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมมายาวนาน สำหรับรถยนต์ฟอร์ด  เพราะมีความเสถียรและทนทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้น เพื่อการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter (Best in Class) แรงดีไม่ต้องกลัวใคร กับพละกำลังสูงสุด 250 แรงม้า ที่ 3,250 รอบต่อนาที (Best in Class) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร (Best in Class)ชนิดเครื่องยนต์: ดีเซล เทอร์โบ วี 6 กระบอกสูบ/ระยะชัก: 84 มม. / 90 มม. ,ปริมาตรความจุ: 2993 ลบ.ซม. ,อัตราส่วนการอัด: 16.0:1, ลำดับการจุดระเบิด: 1-4-2-5-3-6 , การฉีดเชื้อเพลิง: Direct ,เครื่องยนต์เป็นหัวฉีด Bosch Piezo แรงดันในรางหัวฉีด 2000 บาร์ แรงดันเทอร์โบชาร์จสูงสุด 2.8 บาร์ ,กลไกขับวาล์ว: เพลาลูกเบี้ยวเหนือฝาสูบคู่ (DOHC) , 4 วาล์วต่อกระบอกสูบ เด่นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ 4A 4WD มีตัวเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ (Normal), โหมดประหยัด (Eco), โหมดลากจูง (Tow/Haul), โหมดถนนลื่น (Slippery), โหมดโคลนและหิน (Mud/Ruts) และโหมดทราย (Sand) มอบสมรรถนะสูงสุดสำหรับการเดินทางบนทุกสภาพผิว มาพร้อมล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมยางขนาด 255/55 R20

  

 

ในส่วนของช่วงล่างก็โดดเด่น ไม่เป็นรองใคร ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง พร้อมโช้คอัพแบบ โมโนทูบ และระบบกันสะเทือนหลังแบบแหนบซ้อน พร้อมโช้คอัพแบบโมโนทูบ , คอม้า (knuckle) อลูมิเนียม , ดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน , ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ เรียกว่าลูกค้าที่ต้องการอรรถประโยชน์ในการใช้รถ แต่ยังไม่พร้อมกระโดดไปจับต้อง PPV คุณก็สามารถทดลองใช้จากกระบะพันธุ์แกร่งรุ่นนี้ไปก่อนได้ ชูจักแร้ให้เค้าเป็นรถที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันและใช้ได้ในพิเศษ ๆ ที่เราต้องการความแบก หลายคนอาจจะค้านถึงความใหญ่โต ของรถที่อาจจะไม่คล่องตัว เมื่อใช้งานในเมือง สำหรับแอดว่ามันคืออุปสรรคเพียงน้อยนิดเท่านั้น เพราะชั้นชอบความใหญ่
 

 

ดีไซน์ภายนอกถือว่าได้เปรียบเพื่อนในคลาสเดียวกัน ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ , ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูปตัว C ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี , ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ , กระจังหน้าพิเศษแบบ Wildtrak  , สปอร์ตบาร์และราวหลังคา , ฝาท้ายแบบผ่อนแรง Easy Lift หน้าตาค่อนข้างจะสายฝ่อ มากกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน ทำให้แฟนคลับกระบะ สายลุย จะต้องจับตาพ่อเรนเจอร์เป็นลำดับต้นๆ อย่างแน่นอน

  

 

มาส่องกันที่ภายในบ้าง รุ่นนี้เค้าก็ให้ความสะดวกสบายและเติมความสวยงาม มาให้ใช้ได้นิ ไม่ส่าจะเป็นการตกแต่งภายในที่มีความเป็นเอกลักษณ์แบบ Wildtrak โดยเฉพาะ อันนี้แอดชอบ มันทันใจวัยเก๋า ที่มีใจวันทีน กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดแบบ E-Shifter (Best in Class) อันนี้แอดก็ชอบ สบายขึ้นเยอะกับการ เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง , มีแท่นชาร์จไร้สาย ,มีกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ  อีกทั้งระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง จุดนี้ลูกชายชอบ เพราะมันฉ่ำ , กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB (Best in Class/ First in Class)

  

 

ระบบความบันเทิงภายในรถ ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.0 ลิตร ดีเซล วี 6 มาพร้อมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงมากมาย อาทิ  หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว ใช้ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto ที่ได้รับการพัฒนาให้สะดวกรวดเร็วไปอีกขั้น เพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยหน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 8 นิ้ว  ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ  ระบบ FordPass Connect ช่องต่อ USB 4 จุด รวมถึงบนกระจกมองหลัง (First in class) ลำโพง 6 ตำแหน่ง ความบันเทิงภายในรถถือว่ากลาง ๆ ไม่ได้โดนใจมากนัก แต่ก็ไม่ขี้เหล่ รับได้ดูพอเหมาะพอดี

  

 

 

มาถึงอุปกรณ์ความปลอดภัย ที่มอบให้มี ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน  สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง กล้องมองหลังขณะถอยจอด พร้อมกล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System)  ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control) และเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto brake hold ให้เยอะนะ ท้ายสุดมาสะดุดกับราคาจี๊ดเดียว  เรนเจอร์ ไวลด์แทรค 3.0 ลิตร วี 6 ราคาจำหน่าย 1,519,000 บาท โอโน ราคาแรงดี พอ ๆ กับเครื่องยนต์เลยจิบอกให้ 555 แต่ก็มีความมากมายบรรจุไว้ให้ บวก ลบ คูณ หาร ก็ถือว่าคุ้มค่าพอสมควร ทุกอย่างต้องเลือกตามความต้องการนะครับ จะให้แอดไปตัดสินใจแทนใครคงไม่ได้ ยืนยันได้เพียงว่า ถ้าชอบความดุดัน แรงดีไม่มีตก ก็เลือกไปใช้เถอะครับ...