Honda WR-V 

เอสยูวีน้องเล็ก ตัวจี๊ด ขับสนุกทุกเส้นทาง

 

หลังจากเปิดตัวเป็นทางการ พร้อมเปิดราคากลางสยามสแควร์ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา  บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ประเทศไทย จำกัด ได้จัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ Honda WR-V RS ตัวท็อป รถยนต์อเนกประสงค์ B-SUV น้องเล็กสุด บนเส้นทางกรุงเทพฯ-ชลบุรี โดยใช้ถนน บางนา-ตราด โดยไม่ใช้ทางพิเศษ จุดประสงค์ในการใช้เส้นทางนี้ก็เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดลองระบบช่วงล่าง บนพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ เป็นลูกคลื่น และมีการก่อสร้างเป็นระยะ ๆ ระยะทางไป-กลับรวมประมาณ 211 กิโลเมตร

 

 

Honda WR-V ถูกออกแบบและพัฒนาใหม่ด้วยวิศวกรชาวไทย ขนาดตัวรถเล็ก 5 ที่นั่ง น้ำหนักเบา มิติตัวรถกระทัดรัดเหมาะกับการใช้งานเมือง ด้วยความยาว 4,060 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มม. สูง 1,608 มม. และระยฐานล้อสั้นเพียง 1,481 มิลลิเมตร และมีความสูงจากพื้นถนน 220 มิลลิเมตร ถึงแม้จะไม่ใช่สายลุยแต่ความสูงขนาดนี้ก็ช่วยให้ผ่านอุปสรรคไปได้ดี เช่นการลุยน้ำท่วมในเมืองที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในบ้านเรา

รุ่นที่เราได้ทดสอบเป็นรุ่น RS ตัวท็อปสุดราคาอยู่ที่ 869,000 บาท ให้ออพชั่นแบบจัดเต็ม เริ่มจากกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ต โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ RS ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับไฟฟ้า พร้อมพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว

 

 

ตกแต่งภายในโทนสีดำ วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้แบบปรับมือ เบรกมือยังเป็นแบบก้านดึงยังไม่ใช่เบรกมือไฟฟ้า ตกแต่งด้วยผ้าและด้ายสีแดงพวงมาลัยหุ้มหนัง คิ้วบันไดสเตนเลสที่ประตูหน้า พร้อมสัญลักษณ์ RS

ภายในรุ่น RS ใส่ของเล่นมาเพียบเริ่มจากเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส Advanced Touch ขนาด 7 นิ้ว สามารถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto พวกมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมเครื่องเสียง รับสาย วางสาย โทรศัพท์ ผ่านพวงมาลัย พร้อม Paddle shift  และจอแสดงภาพมุมอัพ Honda LaneWatch เมื่อจะเปลี่ยนเลนด้านซ้าย กุญแจ Honda Smart Key System ที่สามารถสั่งสตาร์ทเครื่องยนต์และระบบปรับอากาศได้  ช่วยปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ เหมาะอย่างยิ่งกับสภาวะอากาศบ้านเราเมื่อจอดรถกลางแดดไว้นาน ๆ และยังมี ระบบ Walk Away Auto Lock จะล็อครถอัตโนมัติเมื่อเราถือกุญแจเดินออกห่างจากตัวรถ

 

 

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda WR-V ให้ระบบ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)

- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) 

- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC)

- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)

พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยอื่น ๆ อาทิ ถุงลมคู่หน้า, ถุงลมด้านข้างคู่หน้า, ม่านถุงลมด้านข้าง (เฉพาะ รุ่น RS), ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง,  กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ, ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า, ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS), ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD), จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor) และ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

 

 

Honda WR-V มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับระบบเกียร์ CVT พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift  ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที ซึ่งฮอนด้าเคลม อัตราการประหยัดน้ำมัน 16.7 กม./ลิตร รองรับ E20 และจากการสอบถามวิศวกรของฮอนด้า สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใช้เวลา 11.3 วินาทีในรุ่น RS และ 11.0 วิานทีในรุ่น SV 

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัทอิสระ พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชันบีม H-shape พร้อมระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์แบบมีช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดรัมเบรกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

 

 

สำหรับการขับขี่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ว่าเราได้ทดสอบบนถนนบางนา-ตราด  มุ่งหน้าไปยังจังหวัดชลบุรี ซึ่งพื้นผิวถนนไม่เรียบ และเป็นลูกคลื่น Honda WR-V สามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ช่วงล่างรองรับและดูดซับแรงกระแทกได้ดี เจอคอสะพานไม่มีอาการโคลงของตัวรถ แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือเสียงจากภายนอกที่เข้ามาภายในห้องโดยสาร รวมถึงเสียงลมเมื่อใช้ความเร็วสูง จะสัมผัสได้ชัดเจนขึ้น

ด้านพละกำลังของเครื่องยนต์ถือว่าตอบสนองได้ดี รถมีความคล่องตัวสามารถเปลี่ยนเลนในสภาพการจราจรแบบหนาแน่นบนถนนเส้นนี้ได้อย่างสบาย ไม่อึดอัด แต่อาจจได้ยินเสียงเครื่องยนต์คราง เข้าในห้องโดยสารอยู่บ้าง เมื่อใช้ความเร็วรอบสูง ๆ พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักได้เหมาะสมกับความเร็ว จะหนักขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูง และจะเบาลงเมื่อเราใช้ความเร็วต่ำหรือจะเข้าจอดในช่องจอด

 

 

จากการได้สัมผัสทั้งเป็นผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถือว่า Honda WR-V เป็นรถที่มีความคล่องตัว ช่วงล่างแน่นหนึบ เส้นสายดีไซน์ภายนอกสวยสะดุดตา อัตราประหยัดน้ำมันแสดงอยู่ที่ 17-18 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่ามากกว่าที่ฮอนด้าเคลมไว้ แต่เบาะนั่งด้านหน้าสั้นไปหน่อย พวงมาลัยปรับได้แต่สูงต่ำ เบรคมือน่าจะเป็นเบรคมือไฟฟ้า แต่เมื่อเทียบกับราคาตัวท็อป 869,000 บาท นับว่าเป็นรถที่คุ้มค่า เหมาะกับราคา ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้บริโภคคงเป็นผู้ตัดสินใจ เพราะรถในกลุ่มนี้มีการแข่งขันค่อนข้างสูงเลยทีเดียว