พรีวิว…MG IM6  2 รุ่นย่อย  Premium 2WD 

และ Performance AWD

น้องใหม่ในแบบ e-SUV Coupe !

 

ทดลองขับโดย กันต์ เย็นสบาย

 

ในการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา MG เอง ก็มีรถไฟฟ้าในหลากหลายรุ่นหลาย segment ทำตลาด ครับ ไม่ว่าจะเป็น MG ZS / MG EP หรือจะเป็นในตัวของรถยนต์ที่มีจุดเด่นที่ระบบขับเคลื่อนล้อหลังอย่าง MG 4 และด้วยคอนเซปต์ SUV Coupe ไฟฟ้า ดีไซน์แปลกตา แต่ดูน่าสนใจ กับความโดดเด่น กับดีไซน์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่แตกต่าง กับการเป็น The First-ever Premium intelligent e-SUV ของ NEW MG IM6 ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย ปลอดภัย และเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

 

สำหรับ MG IM6  อยู่ภายใต้แบรนด์ IM Motors ที่เป็นแบรนด์ภายใต้การร่วมทุน ของ SAIC Motor CORPORATION บ.แม่ ของ MG ร่วมมือกับ Alibaba และ Shanghai Zhangjiang  Hi-Tech Park Development โดย IM Motors ย่อมาจาก “ Intelligence in Motion ” และก่อตั้งครั้งแรกในเดือน ธันวาคม 2022 ซึ่งในประเทศจีน โมเดล IM LS6 (ในไทยจะใช้ชื่อว่า IM6) เป็นรถไฟฟ้า100% ตัวถังแบบ SUV Coupe’ เป็นรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ ตามหลัง IM LS7 ตัวถัง SUV และ IM L7 ตัวถัง Sedan

และล่าสุดครับ ทาง บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ก็ให้เกียรต์เรียนเชิญ ทาง AcarnewSonline ในฐานะสื่อมวลชนสายรถยนต์ ไปร่วมสัมผัส NEW MG IM6 รถเอนกประสงค์ SUV Coupe คันนี้แบบตัวเป็น ๆ ทั้ง 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Premium 2WD และรุ่น Performance AWD ในงาน The 1ˢᵗ Premium Intelligent e-SUV  เพื่อทำความรู้จัก ฟังก์ชันและจุดเด่นต่าง ๆ ของรถรุ่นนี้ผ่านสถานีต่าง ๆ ครับ ทั้ง ระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode) ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA (Auto ParkAssist) ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ(Intelligent Air Suspension) ก่อนการเปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ที่ The Studio Park Thailand ย่านบางบ่อ ถ.บางนา ตราด ครับ

 

จอดง่าย เลี้ยวง่าย ด้วย ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA และระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ

หลังจากรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์ ของ MG IM6  จากทีมงานเรียบร้อย ก็ได้เริ่มทำการทดสอบฟังก์ชันสำคัญของ MG IM6 กันครับ เริ่มจากสถานีการทดลอง ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ หรือ  APA (Auto Park Assist) ที่เป็นการจำลอง การถอยจอดและขับออก ของ MG IM6  ที่สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยปลายนิ้วสัมผัสกับระบบที่เรียกว่า One Touch iAD ที่ช่วยเรื่องของในการถอย  รวมถึงการจอดด้านข้าง (One Touch Side Parking) ด้วย Crab Mode ที่สามารถปรับมุมทั้ง 4 ล้อแล้วสไลด์เข้าจอดได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการจอดและออกจากช่องจอดรถในพื้นที่จำกัด (One Touch Escape) และการถอยหลังอัตโนมัติเมื่อขับเจอซอยตัน (One Touch Traceback)

รวมไปถึงการลองไฮไลท์ในเรื่องของการเลี้ยว 4 ล้อและความคล่องตัวในการเลี้ยวในพื้นที่จำกัด ของ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ อัจฉริยะ (Intelligent Four-Wheel Steering System)  ที่จากการลองขับ MG IM6 ในสถานีทดลอง กับรถที่มีมิติตัวถัง 4,904 x 1,988 x 1,669 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง) กับระยะความยาวฐานล้อ 2,950 มิลลิเมตร ตามสเปก ซึ่งก็จัดเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ และความยาวเกือบ5เมตร แต่ด้วยรัศมีวงเลี้ยว 5.09 เมตร ก็ทำให้ขับเลี้ยวและเข้าออกในพื้นที่แคบได้อย่างง่ายดาย และสามารถเลี้ยวกลับรถ ในที่แคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งระบบนี้ยังช่วยผู้ขับเมื่อต้องการเปลี่ยนเลนให้มีเสถียรภาพแม้ในช่วงความเร็วสูงได้อีกด้วยครับ

 

กระจกหน้ารถ มองไม่เห็น ก็ยังขับไปต่อได้! ด้วย  Rainy Night Mode

การทดลองอีกหนึ่งระบบ ที่น่าสนใจครับ กับระบบอัจฉริยะแสดงผลในที่มืดและฝนตก (Intelligent Rainy Night Mode)  ที่เป็นการผสานการทำงานของกล้องรอบคัน การปรับค่าช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาทัศนวิสัยในการมองเห็นระหว่างการขับขี่ เช่นในกรณีที่กระจกรถเป็นฝ้า มองทางไม่เห็น เวลาเกิดฝนตกหนัก ๆ ครับ โดยทางทีมงานนำเอาผ้าคลุมสีดำ มาคลุม กระจกรถทั้งคัน  และลองให้ขับเลื่อนหน้า ถอยหลัง ในที่แคบ ๆ ซึ่งระบบ จะทำให้สามารถมอง ภาพด้านหน้าได้ แม้มีอะไรมาบังกระจกหน้าเต็มบาน โดยสามารถมองผ่านกล้อง รอบคันรถได้ และแสดงผลที่หน้าจอ แม้ภาพรวมการใช้งานอาจมีหลายขั้นตอน แต่ก็ไม่ยาก ต่อการใช้งานจริง และเป็นอีกลูกเล่นที่น่าสนใจ ของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ในรถคันนี้ ครับ

 

ระบบช่วงล่างแบบถุงลมอัจฉริยะ(Intelligent Air Suspension)

ส่วนในเรื่องของระบบช่วงล่าง ก็มีการลองขับผ่านเนินลูกระนาดเล็ก ๆ เพื่อลองในเรื่อง ของ ระบบการรองรับ ซึ่งทาง MG เลือกใช้ ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone พร้อมระบบถุงลม และด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์พร้อมระบบถุงลมสำหรับ MG IM6 ในรุ่นท็อป Performance AWD  ซึ่งความน่าสนใจ ของ ระบบช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ (Intelligent Air Suspension) ก็คือการสามารถปรับสูง-ต่ำได้ 3 ระดับ ครับ ทั้งระดับความสูงปกติ (Standard) ปรับเตี้ยลง 5 เซนติเมตร และปรับสูงขึ้น 2 เซนติเมตร พร้อมปรับการทำงานอัตโนมัติตามรูปแบบการขับขี่

 

คูเป้ท้ายลาด ไฟฟ้า แปลกตา แต่ดูน่าสนใจ

เอกลักษณ์เฉพาะตัว ในสไตล์รถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้าหรู เป็นผลงานการออกแบบดีไซน์ร่วมกันของนักออกแบบจาก SAIC MOTOR CORPORATION และUniversity of Art London ดีไซน์ภายนอกภายใต้คอนเซ็ปต์ Gentle Sculpture ที่ตัวรถ เน้นความโค้งมน ดูพลิ้วไหว ดีไซน์กระจังหน้าเป็นเอกลักษณ์ พร้อมไฟหน้าดีไซน์แบบ L Shape ทำให้รถดูโฉบเฉี่ยว ไฟท้ายพาดยาวแบบ SkylineTaillights และการออกแบบเส้นสายให้ดูโค้งโอบล้อมลงตัวเข้ากับช่วงท้ายรถ ทั้งยังคำนึงถึงการใช้หลักอากาศพลศาสตร์ หรือ Aero Dynamics ในการออกแบบเพื่อช่วยเสริมสมรรถนะและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถได้อย่างลงตัว

- ไฟหน้า ไฟท้าย และ ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED

- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)

- กระจกข้างแบบไร้กรอบ พร้อมกระจกรอบคัน 2 ชั้น

- ระบบควบคุมการ เปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ

- กระจกมองข้างพับ และปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว

- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง

- หลังคากระจกพาโนรามิก

- ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle)

- ล้ออัลลอย ขนาด 21 นิ้ว สำหรับรุ่น Performance AWD และขนาด 20 นิ้ว สำหรับรุ่น Premium 2WD

NEW MG IM6 ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น Premium 2WD และรุ่น Performance AWD โดยมีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีชมพู Ferdinand Pink สีขาว Raphael Beige สีดำ Ares Black สีเทา Rembrandt Grey และสีน้ำเงิน Nevis Blue

  

 

 

ภายในหรู โล่ง โปร่ง สบาย มีสไตล์ด้วย IM MAG HUB

ระบบกุญแจแบบอัจฉริยะพร้อมการ์ด NFC สำหรับแปะเพื่อล็อคและปลดล็อคตัวรถ ห้องโดยสาร ของ MG IM6 ออกแบบ เน้นความเรียบหรู ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุพรีเมี่ยม และการจัดวางเพื่อการใช้งาน ที่เน้นความกว้าง ทำให้ดูโล่ง โปร่ง สบาย แต่ยังมีสไตล์และมีความเฉพาะตัว ทั้งยังคงจุดเด่นของการเป็นรถอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระรอบคัน

- คอนโซลหน้าวัสดุ Soft Touch พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สายกำลังไฟสูงสุด 50 วัตต์ (Wireless Charger)

- ดีไซน์พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ-วางโทรศัพท์

- เบาะนั่ง POPO Sofa ทรงขนมปัง พร้อมสัมผัสพรีเมี่ยมโดยหุ้มด้วยวัสดุสังเคราะห์

- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง โดยเบาะคู่หน้าเป็นแบบระบายความร้อน พร้อมระบบนวดสำหรับผู้ขับขี่

- เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง พับได้60:40

- หน้าจออัจฉริยะระบบสัมผัส Intelligent Immersive Touch Screens 2 จอขนาดใหญ่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัลขนาด 26.3 นิ้ว และหน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 10.5 นิ้ว สำหรับควบคุมส่วนต่าง ๆ ภายในรถ

- ระบบลำโพงรอบทิศทาง 20 จุด ประกอบด้วย ลำโพงรอบทิศทาง 16 จุด และลำโพงบริเวณหลังคา 4 จุด

- ระบบสั่งการอัจฉริยะ IM OS

- Interactive Ambient Light ที่สามารถเปลี่ยนได้ 256 เฉดสี

- กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down

- กระจกมองหลังแบบ Streaming Media Rearview Mirror

- ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกโซนอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5

- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้ารถ จุได้มากถึง 32 ลิตร

- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถ จุได้มากถึง 596 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,640 ลิตร พร้อมที่เก็บสัมภาระเพิ่มเติมที่ท้ายรถได้อีก 69 ลิตร

- ฝาท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบ เตะเปิดอัตโนมัติ

- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple Car Play และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย

- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB TYPE C จำนวน 2 จุด

ปิดท้ายในห้องโดยสามีการเพิ่มเติมความพิเศษด้วย IM MAG HUB อุปกรณ์เสริมติดแม่เหล็กภายในตัวรถ เพื่อใช้ติดตั้งแอคเซสเซอรี่ ต่าง ๆ อาทิ โคมไฟ กระจกแต่งหน้า ไฟอ่านหนังสือ ฯลฯ  5 ตำแหน่ง เพื่อครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน

 

ขุมพลัง 2 เกรด การขับเคลื่อน

สถาปัตยกรรม 800V Dual SiC Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐาน ที่ออกแบบโดยเฉพาะจาก SAIC MOTOR CORPORATION ทำให้ NEW MG IM6 มีความสามารถในการชาร์จไฟได้ไวและเพิ่มระยะทางในการขับต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ส่วน แชสซี ของ MG IM6  เป็นแชสซีแบบดิจิทัลอัจฉริยะใหม่ (IM Digital Chassis) ที่ทำจากอะลูมิเนียม ที่เน้นให้ความสมดุลและประสิทธิภาพในการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยมมาพร้อมกับชิปประมวลผลระดับไฮเอนด์สำหรับระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูงผ่าน 2 เกรด ขุมพลัง การขับเคลื่อน คือ

ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor ในรุ่น Premium 2WD เป็นมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 295 แรงม้า (217 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.9 วินาที แบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาดความจุ 75 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 400 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 550 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC

ส่วนในรุ่น Performance AWD มอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 787 แรงม้า (572 กิโลวัตต์) และแรงบิดสูงสุด 802 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 3.48 วินาที โดยสามารถทำความเร็วสูงสุด (Top speed) ได้มากกว่า 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ Lithium-ionขนาดความจุ 100 kWh ขับเคลื่อนด้วยแรงดันไฟฟ้าสูงถึง 875 โวลต์ สามารถวิ่งได้ระยะทาง 634 กิโลเมตร* ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC

- ระบบ Cooling system เจนเนอเรชั่นใหม่ ที่สามารถระบายความร้อนได้ 15 องศาเซลเซียส ภายในเวลาเพียง 30 วินาที

- แบตเตอรี่ 12V แบบ Lithium- ion

- ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% - 80% ใช้เวลาน้อยกว่า 20 นาที* ด้วยแรงดันไฟฟ้า 800 โวลต์รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงสูงสุด 396 kW

- รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 6.6 kW

*ระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือและกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า

- ระบบการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Snow / Custom และ Super Eco ซึ่งจะดึงไฟสำรองจากแบตเตอรี่มาใช้อีก 80 กิโลเมตร สำหรับในยามฉุกเฉิน

- ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ระบบช่วยชาร์จพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่ขับเคลื่อน เมื่อมีการลดความเร็ว หรือเบรก 2 ระดับ

- ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมช่องระบายความร้อน จาก Continental

 

เทคโนโลยี ความปลอดภัยรอบคัน

NEW MG IM6 มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย มอบความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งยังผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานระดับ 5 ดาวจาก China NCAP และดีไซน์เพื่อรองรับ EURO-NCAP

- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)

- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)

- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD

- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์EBA (Electronic Brake Assist)

- ระบบควบคุมการทรงตัว VDC (Vehicle Dynamic Control System)

- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)

- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HHC (Hill Hold Control)

- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติIHC (Intelligent High-beam control)

- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)

- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)

- ระบบช่วยเบรก AEB (Automatic Emergency Braking)

- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)

- ระบบแจ้งเตือนความเร็วอัตโนมัติSLF (Speed Limit Information Function)

- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LCC (Lane Centering Control)

- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)

- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)

- ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตาที่ทำงานประสานกันทั้งระบบ ช่วยเตือน มุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) และระบบระบบช่วยเตือน

การเปิดประตู DOW (Door Open Warning)

- ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)

นอกจากนี้ยังเสริมอุปกรณ์ความปลอดภัย อาทิจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ(3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณ เตือนระยะด้านหน้าและหลัง

 

คุยหลังขับ กับ กันต์ เย็นสบาย

การได้มาทำความรู้จัก MG IM6 ในครั้งนี้ โดยสรุปส่วนตัว มองว่ารถรุ่นนี้ ก็น่าสนใจ ไม่ใช่น้อยครับ ในหลายจุด ทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ฟังก์ชันจุดเด่นต่าง ๆ ของรถด้วยความเป็นรถเอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า e-SUV ที่ดีไซน์ภายนอก แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ภายในรถที่ออกแบบตอบไลฟ์สไตล์ความสะดวกสบาย การจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ดูลงตัว พื้นที่เก็บสัมภาระก็มีทั้งด้านหน้า และด้านท้ายรถ

ลองเข้ามานั่งในห้องโดยสารทั้งในตัว 2 เกรด 2 รุ่นย่อย ความแตกต่างก็มีไม่มากความหรูหราก็ใกล้เคียงกันแต่อาจจะแตกต่างในเรื่องของสีสันของเบาะ แต่ในเรื่องของภายใน ก็ออกแบบเน้นความหรูหราและความโอ่โถงภายในห้องโดยสาร แม้มีที่ติดอยู่นิด ในส่วนของ หลังคากระจก ที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นจุดเด่นของรถประเภทนี้ แต่ส่วนตัวมองว่าในบ้านเราอาจจะยังไม่เหมาะมากนัก ด้วยอากาศที่ร้อนและแดดจัด ถ้าอยากติดตั้งให้ มองว่าควรเพิ่มในเรื่องของม่านบังแดดเพื่อช่วยปรับแสงและความร้อนจากหลังคาจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภค ในการใช้งานจริง และทัศนวิสัย มุมมองด้านหลัง จากตำแหน่งผู้ขับ ผ่านกระจกมองหลัง ยังมีมุมอับสายตาอยู่และมองได้ไม่ชัดเจน เนื่องจากติดในส่วนของดีไซน์ ตัวรถและกระจกบานท้าย

ส่วนการทำตลาดผ่าน 2 เกรดรุ่นย่อย โดยเฉพาะในรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ  แบตเตอรี่ 800 โวลต์ กับจุดขาย เรื่องวงเลี้ยวแคบ ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้ออัจฉริยะ ระบบช่วงล่างถุงลมอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดอัตโนมัติ APA ที่คิดว่าการใช้งานจริงในเมือง คงจะเป็นตัวช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น และเป็นประโยชน์กับผู้ใช้งาน ในรถคันใหญ่แบบนี้ รวมถึงการให้ความสำคัญ ในส่วนของ แบตเตอรี่ลูกเล็ก 12V  ที่เลือกใช้เป็นแบบ Lithium- ion เน้นความทนทานของการใช้งานที่เหมาะสม มากกว่าแบบตะกั่วกรด

ปิดท้ายสำหรับตลาดรถ SUV ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น แน่นอนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่ในปี 2024 คาบเกี่ยวต้นปี 2025  นี้ เราจะได้เห็นรถไฟฟ้า SUV หลากหลายรุ่นที่น่าสนใจ ตั้งแต่รุ่นราคาประหยัดไปจนถึงรุ่นไฮเอนด์ ซึ่งแต่ละรุ่นมีจุดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับ รวมทั้งความน่าสนใจในความเอนกประสงค์ ของการรองรับการใช้งาน  คู่เปรียบเทียบ ในพิกัดนี้ ก็มีหลายแบรนด์ ครับ ทั้ง  AVATR 11 Deepal S07 XPENG G6 KIA EV5 OMODA C5 EV

ซึ่งถ้าดูสเปคของ MG IM6 แล้วชอบ ถูกใจ ในเรื่องความสด ใหม่ รวมทั้งความมั่นใจในเรื่องของการดูแลรถ ผ่านศูนย์และสถานีอัดประจุไฟฟ้าของเอ็มจี ของ MG SUPER CHARGE กว่า 140 แห่ง ทั่วประเทศ ก็รอนิดครับ ทาง MG  เค้าเตรียมนับถอยหลัง เปิดตัวและราคา ของ MG IM6 รถไฟฟ้า100% รุ่นพวงมาลัยขวาที่แรกในโลก ในไทย 18 มีนาคม 2025 นี้ครับ ใครสนใจ ก็ลองรอลุ้นราคา กันดูนะครับ